anon fish on Nostr: ...
มันอ่านแล้วให้ความรู้สึกถึงการเขียนข้อความของคนที่มีแนวคิดแบบ Nihilism หรอเนี่ย
ไปตัดเอามาจากต้นโพสที่เขียนไว้แบบนี้
“หากพระเจ้าไม่มีอยู่จริงแล้วชีวิตมนุษย์จะมีความหมายได้อย่างไร, ไม่ต่างจากคำถามว่า หากไม่มีการดำรงค์อยู่ของนายทาส ชีวิตของทาสจะมีความหมายได้อย่างไร“
ส่วนตัวคิดว่า ข้อความนี้จะสื่อถึงการที่ชีวิตของเราจะมีความหมายได้ ไม่จำเป็นจะต้องเอาไปยึดโยงอยู่กับสิ่งใด เช่น การเป็นมนุษย์ที่จำเป็นจะต้องมีพระเจ้า หรือ การเป็นทาสที่จำเป็นจะต้องมีนายทาส
เราลองเอามันมาคิดแบบ Counter สะท้อนกลับมุมมอง โดยเขียนให้อยู่บนสมมติฐานเดียวกันกับข้อความข้างบนนี้ เป็นการย้อนกลับมุมมองด้วยการย้อนจากข้างล่างขึ้นข้างบน เพื่อดูว่าเราจะสามารถเห็นอะไรจากมันได้บ้าง
ถ้าหากนายทาสมีทาสซึ่งเป็นทรัพยากรหลัก นายทาสจึงเป็นเจ้าชีวิตของทาส นายทาสจึงเป็นความหมายต่อการมีชีวิตของทาส และด้วยการกล่าวอ้างนี้ ถ้าเอามากลับกัน ถ้าหากว่าไม่มีทาส นายทาสที่ไม่มีทรัพยากรอย่างทาสรับใช้ คำว่านายทาสก็จะไม่มีอยู่จริง ถ้างั้นชีวิตของนายทาสก็จะต้องไม่มีความหมายด้วยเช่นกันถ้าหากปราศจากทาสรับใช้
และหากจะใช้หลักการของการยึดโยงระหว่างสิ่งสองสิ่ง เพื่อใช้ในการบอกว่าอะไรมีความหมายหรือไม่มีความหาย ถ้าจับมันแยกออกจากกันมันก็จะเป็นอย่างอื่นคือ ไม่มีทาส ก็จะไม่มีนายทาส กลายไปเป็นแค่ คน ๆ หนึ่ง กับ คนอีกคนหนึ่ง ความหมายเดิมของคำเรียกจะหายไป และความหมายในแง่มุมของชีวิตแบบที่ใช้นิยามความเป็นนายทาสและทาสตามเดิมก็จะหายไปเช่นกัน
ประเด็นที่เราจะสื่อคือการทดลองเปลี่ยนมุมมอง โดยมองไปที่มุมอื่น ๆ จากจุดยืนที่จุดเดิม หรือการจำลองแทนตัวเองลงไปมองในมุมมองที่กำลังถูกนำเสนอ ไม่ได้จะเขียนเพื่อจะบอกกับใครว่า ชีวิตที่มีความหมายมันควรจะเป็นแบบไหนยังไง
มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
ไปตัดเอามาจากต้นโพสที่เขียนไว้แบบนี้
“หากพระเจ้าไม่มีอยู่จริงแล้วชีวิตมนุษย์จะมีความหมายได้อย่างไร, ไม่ต่างจากคำถามว่า หากไม่มีการดำรงค์อยู่ของนายทาส ชีวิตของทาสจะมีความหมายได้อย่างไร“
ส่วนตัวคิดว่า ข้อความนี้จะสื่อถึงการที่ชีวิตของเราจะมีความหมายได้ ไม่จำเป็นจะต้องเอาไปยึดโยงอยู่กับสิ่งใด เช่น การเป็นมนุษย์ที่จำเป็นจะต้องมีพระเจ้า หรือ การเป็นทาสที่จำเป็นจะต้องมีนายทาส
เราลองเอามันมาคิดแบบ Counter สะท้อนกลับมุมมอง โดยเขียนให้อยู่บนสมมติฐานเดียวกันกับข้อความข้างบนนี้ เป็นการย้อนกลับมุมมองด้วยการย้อนจากข้างล่างขึ้นข้างบน เพื่อดูว่าเราจะสามารถเห็นอะไรจากมันได้บ้าง
ถ้าหากนายทาสมีทาสซึ่งเป็นทรัพยากรหลัก นายทาสจึงเป็นเจ้าชีวิตของทาส นายทาสจึงเป็นความหมายต่อการมีชีวิตของทาส และด้วยการกล่าวอ้างนี้ ถ้าเอามากลับกัน ถ้าหากว่าไม่มีทาส นายทาสที่ไม่มีทรัพยากรอย่างทาสรับใช้ คำว่านายทาสก็จะไม่มีอยู่จริง ถ้างั้นชีวิตของนายทาสก็จะต้องไม่มีความหมายด้วยเช่นกันถ้าหากปราศจากทาสรับใช้
และหากจะใช้หลักการของการยึดโยงระหว่างสิ่งสองสิ่ง เพื่อใช้ในการบอกว่าอะไรมีความหมายหรือไม่มีความหาย ถ้าจับมันแยกออกจากกันมันก็จะเป็นอย่างอื่นคือ ไม่มีทาส ก็จะไม่มีนายทาส กลายไปเป็นแค่ คน ๆ หนึ่ง กับ คนอีกคนหนึ่ง ความหมายเดิมของคำเรียกจะหายไป และความหมายในแง่มุมของชีวิตแบบที่ใช้นิยามความเป็นนายทาสและทาสตามเดิมก็จะหายไปเช่นกัน
ประเด็นที่เราจะสื่อคือการทดลองเปลี่ยนมุมมอง โดยมองไปที่มุมอื่น ๆ จากจุดยืนที่จุดเดิม หรือการจำลองแทนตัวเองลงไปมองในมุมมองที่กำลังถูกนำเสนอ ไม่ได้จะเขียนเพื่อจะบอกกับใครว่า ชีวิตที่มีความหมายมันควรจะเป็นแบบไหนยังไง
มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ