Mr.Note on Nostr: GM #siamstr หนังสือ THE RACE OF CIVILIZATIONS ...
GM #siamstr หนังสือ THE RACE OF CIVILIZATIONS อารยะแข่งขันของเฮียวิทย์ สิทธิเวคิน เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่เล่าเรื่องสไตล์เฮียวิทย์จริงๆ มีแผนที่ประกอบทำให้เรารู้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดตรงไหนของโลก แถมยังมีประวัติศาสต์คู่ขนานอีกว่า ช่วงนั้นประเทศไทยเป็นช่วงสมัยไหน(ผมชอบตรงนี้ล่ะ🙂)หรือตรงกับเหตุการณ์สำคัญๆอะไรที่เกิดพร้อมกัน เล่มนี้มันเหมือนเป็นสารบัญประวัติศาสตร์👍🏻 ที่มากระตุกต่อมอยากรู้อยากเห็น ทำให้อยากไปหาข้อมูลอ่านต่อกันเลยทีเดียว😁 ส่วนตัวผมนี้อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมของคือ วัชกู ดา กามาล่องเรือไปถึงอินเดีย ส่วนคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสจะตามหาอินเดียบ้างแต่ไปเจอทวีปอเมริกาแทน และอีกเรื่องคือทำไมปั้นปลายของจีนถึงยกเลิกระบอบฮ่องเต้😁 ขอสรุปเนื้อหาคร่าวๆ ดังนี้
1. GUTENBERG PRESS ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือ: เราสามารถบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ลงในหนังสือได้ก็เพราะสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า “แท่นพิมพ์พลิกโลก” ของโยฮันเนส กูเตนแบร์ก นี่ล่ะครับ
2. THE AGE OF DISCOVERY ออกเดินทางเพื่อรู้จักโลกตัวเอง: บทนี้กล่าวถึงการสำรวจโลก ชาติที่สำรวจโลกเป็นชาติแรกๆ คือ จักรวรรดิ์สมัยต้าหมิงของจีน ก่อนยุค The age of Discovery ของยุโรปเสียอีก ความก้าวหน้านี้ทำให้เรารู้ว่า โลกกลมอย่างสมบูรณ์, แผนที่สมจริงมากขึ้น, เวลาแต่ละซีกโลกไม่เหมือนกัน, รู้วิธีแบ่งพื้นที่โลกเป็นสี่เหลี่ยมและเกิดแรงผลักดันให้คนรุ่นหลังสำรวจโลกอย่างไม่รู้จบ
3. SCIENTIFIC REVOLUTION ยุคแห่งการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์: บทนี้กล่าวถึงยุคที่ตื่นรู้ทางปัญญาเกิดนักวิทยาศาสตร์มากมาย เช่น กาลิเลโอ กาลิเลอี, ไอแซก นิวตัน, อริสโตเติล บทนี้ทำให้เรารู้ว่า โลกเราไม่ใช่ศูนย์กลาง แต่โลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์
4. AGE OF ENLIGHTENMENT ยุคเรืองปัญญา: บทนี้กล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญๆของ กษัตริย์ การเมืองการปกครองและการแผ่ขยายอาณานิคม ของมหาอำนาจ เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อเมริกา ฯลฯ และมีภาพหนึ่งชื่อว่า “เดอะแบก” มันบ่งบอกว่า ภาพนี้เขียนตั้งแต่ปี 1798 มาถึงตอนนี้ก็ 226 ปี ทุกอย่างในโลกมีการเปลี่ยนแปลง แต่มนุษย์เรานี่แหละที่ไม่เคยเปลี่ยน!!
5. INDUSTRIAL REVOLUTION การปฏิวัติอุตสาหกรรม: บทนี้กล่าวถึงวิวัฒนาการอุตสาหกรรมในโลกนี้ตั้งแต่ปี 1750-1909 โดยอธิบายในมิติ 3 ด้าน คือ ด้านสิ่งแวดล้อม, โครงสร้างสังคมและภูมิรัฐศาสตร์
6. THE FALL OF THE EMPIRE จีนถดถอย ญี่ปุ่นทะเยอทะยาน: บทนี้เน้นกล่าวถึงประเทศจีนและญี่ปุ่น จีนเป็นผู้แพ้สงครามและถูกผู้ชนะให้ทำสนธิสัญญาที่ถูกเอารัดเอาเปรียบฉบับแล้วฉบับเล่า ส่วนญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจที่ตัวเล็กที่สุดในโลกสามารถเอาชนะรัสเซียได้ปี 1905 แต่อำนาจย่อมหมดลง ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นโดนนิวเคลียร์ 2 ลูก คือ Little boy กับ Fat man ไป จนสุดท้ายจักรพรรดิฮิโรฮิโตะประกาศยอมแพ้ในวันที่ 15 ส.ค. 1945
7. THE GREATEST LOSS OF OTTOMAN จากเกรียงไกรสู่ล่มสลาย: บทนี้ได้กล่าวถึงจักรวรรดิมีครอบอำนาจมายาวนานถึง 600 ปี คือ จักรวรรดิออตโตมันซึ่งกินพื้นที่บางส่วนของ 3 ทวีป คือ เอเชีย,ยุโรปและแอฟริกา แต่จักรวรรดิออตโตมันพัฒนาความก้าวหน้าในวิทยาการใหม่ๆช้ากว่าทางยุโรป และโดนเล่ห์เหลี่ยทางการเมืองของมหาอำนาจอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสจนจักรวรรดิจะล่มสลาย แต่มีบิดาแห่งเติร์ก นามว่า มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ต่อสู้เพื่ออิสรภาพขับไล่ชาติยุโรปตะวันตกที่ฉวยโอกาส และกำเนิดรัฐแห่งชาวเติร์กก็คือ ประเทศตุรกี ในปัจจุบัน
8. NEW WORLD ORDER ระเบียบโลกใหม่: การจัดระเบียบโลกใหม่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีสิ่งสำคัญที่อุบัติขึ้น คือ การปลดปล่อยประเทศอาณานิคม(Decolonization), สงครามเย็น, องค์การสหประชาชาติ, องค์กรทางการเงินระหว่างประเทศและการจัดการสกุลเงินระหว่างประเทศ, สงคราวนิวเคลียร์, วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, กิจการอวกาศ, อุตสาหกรรมยานยนต์และระบบสวัสดิการแห่งรัฐ
ผมขอสรุปสั้นๆเท่านี้ เนื้อหาในเล่มยังมีอีกเยอะ อ่านสนุก ลองไปหาอ่านกันดู อุดหนุนเฮียวิทย์ครับ🙂....เราจะใช้ชีวิตในปัจุบันได้ดี ต้องวางแผน วางเป้าหมายไปในอนาคต แต่อย่าลืมที่จะเรียนรู้จากอดีต(ประวัติศาสตร์) เพื่อเอามาเป็นประสบการณ์ชีวิตหรือไม่ให้เดินทางผิดซ้ำ ผมว่าเอาปรับมาใช้ในชีวิตเราได้เลยนะครับ😁….ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าผมอ่านเล่มไหนเห็นว่าดี มีประโยชน์ ขออนุญาตมาแชร์ให้ชาวทุ่งม่วงอีกนะครับ🙏❤️
1. GUTENBERG PRESS ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือ: เราสามารถบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ลงในหนังสือได้ก็เพราะสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า “แท่นพิมพ์พลิกโลก” ของโยฮันเนส กูเตนแบร์ก นี่ล่ะครับ
2. THE AGE OF DISCOVERY ออกเดินทางเพื่อรู้จักโลกตัวเอง: บทนี้กล่าวถึงการสำรวจโลก ชาติที่สำรวจโลกเป็นชาติแรกๆ คือ จักรวรรดิ์สมัยต้าหมิงของจีน ก่อนยุค The age of Discovery ของยุโรปเสียอีก ความก้าวหน้านี้ทำให้เรารู้ว่า โลกกลมอย่างสมบูรณ์, แผนที่สมจริงมากขึ้น, เวลาแต่ละซีกโลกไม่เหมือนกัน, รู้วิธีแบ่งพื้นที่โลกเป็นสี่เหลี่ยมและเกิดแรงผลักดันให้คนรุ่นหลังสำรวจโลกอย่างไม่รู้จบ
3. SCIENTIFIC REVOLUTION ยุคแห่งการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์: บทนี้กล่าวถึงยุคที่ตื่นรู้ทางปัญญาเกิดนักวิทยาศาสตร์มากมาย เช่น กาลิเลโอ กาลิเลอี, ไอแซก นิวตัน, อริสโตเติล บทนี้ทำให้เรารู้ว่า โลกเราไม่ใช่ศูนย์กลาง แต่โลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์
4. AGE OF ENLIGHTENMENT ยุคเรืองปัญญา: บทนี้กล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญๆของ กษัตริย์ การเมืองการปกครองและการแผ่ขยายอาณานิคม ของมหาอำนาจ เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อเมริกา ฯลฯ และมีภาพหนึ่งชื่อว่า “เดอะแบก” มันบ่งบอกว่า ภาพนี้เขียนตั้งแต่ปี 1798 มาถึงตอนนี้ก็ 226 ปี ทุกอย่างในโลกมีการเปลี่ยนแปลง แต่มนุษย์เรานี่แหละที่ไม่เคยเปลี่ยน!!
5. INDUSTRIAL REVOLUTION การปฏิวัติอุตสาหกรรม: บทนี้กล่าวถึงวิวัฒนาการอุตสาหกรรมในโลกนี้ตั้งแต่ปี 1750-1909 โดยอธิบายในมิติ 3 ด้าน คือ ด้านสิ่งแวดล้อม, โครงสร้างสังคมและภูมิรัฐศาสตร์
6. THE FALL OF THE EMPIRE จีนถดถอย ญี่ปุ่นทะเยอทะยาน: บทนี้เน้นกล่าวถึงประเทศจีนและญี่ปุ่น จีนเป็นผู้แพ้สงครามและถูกผู้ชนะให้ทำสนธิสัญญาที่ถูกเอารัดเอาเปรียบฉบับแล้วฉบับเล่า ส่วนญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจที่ตัวเล็กที่สุดในโลกสามารถเอาชนะรัสเซียได้ปี 1905 แต่อำนาจย่อมหมดลง ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นโดนนิวเคลียร์ 2 ลูก คือ Little boy กับ Fat man ไป จนสุดท้ายจักรพรรดิฮิโรฮิโตะประกาศยอมแพ้ในวันที่ 15 ส.ค. 1945
7. THE GREATEST LOSS OF OTTOMAN จากเกรียงไกรสู่ล่มสลาย: บทนี้ได้กล่าวถึงจักรวรรดิมีครอบอำนาจมายาวนานถึง 600 ปี คือ จักรวรรดิออตโตมันซึ่งกินพื้นที่บางส่วนของ 3 ทวีป คือ เอเชีย,ยุโรปและแอฟริกา แต่จักรวรรดิออตโตมันพัฒนาความก้าวหน้าในวิทยาการใหม่ๆช้ากว่าทางยุโรป และโดนเล่ห์เหลี่ยทางการเมืองของมหาอำนาจอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสจนจักรวรรดิจะล่มสลาย แต่มีบิดาแห่งเติร์ก นามว่า มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ต่อสู้เพื่ออิสรภาพขับไล่ชาติยุโรปตะวันตกที่ฉวยโอกาส และกำเนิดรัฐแห่งชาวเติร์กก็คือ ประเทศตุรกี ในปัจจุบัน
8. NEW WORLD ORDER ระเบียบโลกใหม่: การจัดระเบียบโลกใหม่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีสิ่งสำคัญที่อุบัติขึ้น คือ การปลดปล่อยประเทศอาณานิคม(Decolonization), สงครามเย็น, องค์การสหประชาชาติ, องค์กรทางการเงินระหว่างประเทศและการจัดการสกุลเงินระหว่างประเทศ, สงคราวนิวเคลียร์, วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, กิจการอวกาศ, อุตสาหกรรมยานยนต์และระบบสวัสดิการแห่งรัฐ
ผมขอสรุปสั้นๆเท่านี้ เนื้อหาในเล่มยังมีอีกเยอะ อ่านสนุก ลองไปหาอ่านกันดู อุดหนุนเฮียวิทย์ครับ🙂....เราจะใช้ชีวิตในปัจุบันได้ดี ต้องวางแผน วางเป้าหมายไปในอนาคต แต่อย่าลืมที่จะเรียนรู้จากอดีต(ประวัติศาสตร์) เพื่อเอามาเป็นประสบการณ์ชีวิตหรือไม่ให้เดินทางผิดซ้ำ ผมว่าเอาปรับมาใช้ในชีวิตเราได้เลยนะครับ😁….ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าผมอ่านเล่มไหนเห็นว่าดี มีประโยชน์ ขออนุญาตมาแชร์ให้ชาวทุ่งม่วงอีกนะครับ🙏❤️