pangolins on Nostr: #CDCTalk ep 15: ...
#CDCTalk ep 15:
มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า..
อาการย้ำคิดย้ำทำ
แก้ที่เหตุ นั่นคือ *จิต* ของทุกคน
ขั้นแรก (แก้อาการของจิต = *เจตสิก*) เอาสิ่งที่เราย้ำคิดย้ำทำออกไป คือต้องเอาสิ่งอื่นเข้ามาใส่ เจตสิกเกิดพร้อมกับจิต และดับพร้อมกับจิต แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
สิ่งที่เราใส่เข้าไปแทน คือ *ความสุข* ที่พิเศษและไม่มีเพราะ ความสุขที่ประกอบด้วยปัญญา สิ่งนี้ High กว่าใช้เห็ดซะอีก เราจะไปย้ำที่ความสุขแทน แล้วเราค่อยไปแก้ไม่ให้ย้ำต่อไป
วิธีแก้การย้ำคิดย้ำทำ หมกหมุ่น
ด้วยการฝึก *เมตตา* นึกถึงตัวเอง ปรารถนาให้ตัวเองมีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ต้องฝึกแม้เริ่มจากทางอ้อม คือ การไปหาพระ (ผู้มีเมตตาสูง) เราจะมีแต่ความปรารถนาจะให้ อยากเห็นคนอื่นมีความสุข คนไม่เบียดเบียนกัน
เราจะเริ่มให้ หรือ เหตุของ *ทาน* ทานที่มีเมตตา จึงถือเป็นทานบารมี ให้ทานโดยความบริสุทธิ์ใจ เริ่มเข้าวัดบ่อยขึ้น รู้สึกมีความสุข เกิดอานิสงค์ของทาน ความสุขที่มี จะรู้สึกสุขมากขึ้นไปอีก ซึ่งมีทั้งวัตถุทานและสังฆทาน การให้ทาน ผู้ให้ทานต้องมีศีล จนไปถึง *อภัยทาน* (ทานสูงที่สุด เกิดเป็น *ศีล*) คือ ความไม่มีภัย ชีวิตนี้จะไม่เบียดเบียนใครอีก
ต้องแยกการถือศีลแบบควายถือ กับ ศีลที่เกิดจากทานบารมี มันแตกต่างกัน ศีลจากทานบารมี คือ มี *เจตตา* ที่จะไม่ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต เกิดอินทรียสังวรศีล และสังวรเรื่องอื่นๆ ต่อไป เราจะไม่สร้างภัยต่อใคร เกิดความไม่เดือดเนื้อร้อนใจในชีวิต เกิดความ *ปราโมทย์ ปิติ* (อิ่มใจ) เกิดความสงบระงับ คือ *ความสุขที่ไม่เพราะ*
และเกิด *สมาธิ* ตามมา เห็นหลายอย่างที่เกิดขึ้น มันถูกต้องแล้วที่เกิดแบบนั้น ไม่เกิดความปารถนาให้สิ่งใดสิ่งนึงไปเป็นอีกสิ่งนึง (ไม่อยากให้เป็ดเป็นไก่ และ ไก่เป็นเป็ด) ทุกอย่างไม่เที่ยง เดี๋ยวมันก็เสื่อมไป ไม่มีอะไรตั้งอยู่ตลอดไป ไม่ได้มีอะไรมีแก่นสารเท่าๆ กัน เราเกิดความพอใจ เราจะเสพความสุขที่ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
การฝึกกรรมฐานในเด็ก เพื่อแก้โรคย้ำคิดย้ำทำ ต้องเริ่มจากพ่อแม่ทำได้ก่อน (ลูกเห็นตัวอย่าง) ไม่ใช่ให้กินยา (นั่นคือการแก้ที่ผล)
# สรุป #
เมตตา > ทาน > ศีล > ปราโมทย์ > ปิติ > ความสุข > สมาธิ > เห็นความเป็นอย่างนั้นเองของสิ่งทั้งหลาย
สาธุ 🙏
#siamstr
มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า..
อาการย้ำคิดย้ำทำ
แก้ที่เหตุ นั่นคือ *จิต* ของทุกคน
ขั้นแรก (แก้อาการของจิต = *เจตสิก*) เอาสิ่งที่เราย้ำคิดย้ำทำออกไป คือต้องเอาสิ่งอื่นเข้ามาใส่ เจตสิกเกิดพร้อมกับจิต และดับพร้อมกับจิต แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
สิ่งที่เราใส่เข้าไปแทน คือ *ความสุข* ที่พิเศษและไม่มีเพราะ ความสุขที่ประกอบด้วยปัญญา สิ่งนี้ High กว่าใช้เห็ดซะอีก เราจะไปย้ำที่ความสุขแทน แล้วเราค่อยไปแก้ไม่ให้ย้ำต่อไป
วิธีแก้การย้ำคิดย้ำทำ หมกหมุ่น
ด้วยการฝึก *เมตตา* นึกถึงตัวเอง ปรารถนาให้ตัวเองมีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ต้องฝึกแม้เริ่มจากทางอ้อม คือ การไปหาพระ (ผู้มีเมตตาสูง) เราจะมีแต่ความปรารถนาจะให้ อยากเห็นคนอื่นมีความสุข คนไม่เบียดเบียนกัน
เราจะเริ่มให้ หรือ เหตุของ *ทาน* ทานที่มีเมตตา จึงถือเป็นทานบารมี ให้ทานโดยความบริสุทธิ์ใจ เริ่มเข้าวัดบ่อยขึ้น รู้สึกมีความสุข เกิดอานิสงค์ของทาน ความสุขที่มี จะรู้สึกสุขมากขึ้นไปอีก ซึ่งมีทั้งวัตถุทานและสังฆทาน การให้ทาน ผู้ให้ทานต้องมีศีล จนไปถึง *อภัยทาน* (ทานสูงที่สุด เกิดเป็น *ศีล*) คือ ความไม่มีภัย ชีวิตนี้จะไม่เบียดเบียนใครอีก
ต้องแยกการถือศีลแบบควายถือ กับ ศีลที่เกิดจากทานบารมี มันแตกต่างกัน ศีลจากทานบารมี คือ มี *เจตตา* ที่จะไม่ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต เกิดอินทรียสังวรศีล และสังวรเรื่องอื่นๆ ต่อไป เราจะไม่สร้างภัยต่อใคร เกิดความไม่เดือดเนื้อร้อนใจในชีวิต เกิดความ *ปราโมทย์ ปิติ* (อิ่มใจ) เกิดความสงบระงับ คือ *ความสุขที่ไม่เพราะ*
และเกิด *สมาธิ* ตามมา เห็นหลายอย่างที่เกิดขึ้น มันถูกต้องแล้วที่เกิดแบบนั้น ไม่เกิดความปารถนาให้สิ่งใดสิ่งนึงไปเป็นอีกสิ่งนึง (ไม่อยากให้เป็ดเป็นไก่ และ ไก่เป็นเป็ด) ทุกอย่างไม่เที่ยง เดี๋ยวมันก็เสื่อมไป ไม่มีอะไรตั้งอยู่ตลอดไป ไม่ได้มีอะไรมีแก่นสารเท่าๆ กัน เราเกิดความพอใจ เราจะเสพความสุขที่ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
การฝึกกรรมฐานในเด็ก เพื่อแก้โรคย้ำคิดย้ำทำ ต้องเริ่มจากพ่อแม่ทำได้ก่อน (ลูกเห็นตัวอย่าง) ไม่ใช่ให้กินยา (นั่นคือการแก้ที่ผล)
# สรุป #
เมตตา > ทาน > ศีล > ปราโมทย์ > ปิติ > ความสุข > สมาธิ > เห็นความเป็นอย่างนั้นเองของสิ่งทั้งหลาย
สาธุ 🙏
#siamstr