What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-04-10 01:13:10

maiakee on Nostr: ...



☯️อยู่กับเต๋า อยู่กับปัจจุบัน: ตีความคำสอนของเล่าจื่อผ่านมิติของจิตใจ

คำกล่าวที่ลึกกว่าคำพูด

“หากท่านเศร้า ท่านอยู่กับอดีต
หากท่านวิตก ท่านอยู่กับอนาคต
หากท่านสงบ ท่านอยู่กับปัจจุบัน”
— เล่าจื่อ (คำแปลอิงจากแนวคิดของเต๋า)

คำกล่าวนี้ที่มักพบเห็นในโลกออนไลน์ อาจดูเหมือนเป็นถ้อยคำปลอบใจ หรือข้อคิดธรรมดาเกี่ยวกับสุขภาพจิต ทว่า หากพิจารณาในเชิงปรัชญาเต๋าอย่างแท้จริง จะพบว่า คำกล่าวสั้นๆ นี้แฝงไว้ด้วยการชี้ทางสู่ความหลุดพ้นจากทุกข์ของมนุษย์ในระดับลึก—ผ่านมุมมองของเวลา จิต และการไม่ฝืนธรรมชาติของ “เต๋า” (道)

บทความนี้จะวิเคราะห์คำสอนนี้อย่างเป็นระบบ โดยยึดหลักของ เต๋าเต็กเก็ง พร้อมยกตัวอย่างและเชื่อมโยงกับสภาพจิตที่มนุษย์ประสบในแต่ละช่วงเวลา



๑. อดีต: ต้นตอของความเศร้า

๑.๑ การยึดติดคือการฝืนเต๋า

ในมุมมองของเล่าจื่อ การจมอยู่กับอดีตคือรูปแบบหนึ่งของ “การต้านทานการไหลของเต๋า” เต๋านั้นไม่หยุดนิ่ง ไม่เคยย้อนกลับ การที่ใจมนุษย์หวนคิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว—ไม่ว่าจะด้วยความอาลัย ความเสียใจ หรือความโทษตนเอง—คือการพยายาม “ยึดจับสิ่งที่ไหลผ่าน” ดังที่ เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 8 กล่าวไว้:

“น้ำดีเลิศเพราะอยู่ในที่ต่ำ
อยู่ในที่ที่คนไม่นิยม
จึงกลมกลืนกับเต๋า”

ผู้ปฏิบัติตามเต๋า ย่อมไม่ขัดขืนการเปลี่ยนแปลง และไม่ยึดอดีตไว้ในจิตใจ เพราะรู้ว่าทุกสิ่งย่อมเป็นดั่งน้ำที่ไหลไป

๑.๒ ตัวอย่างแห่งความยึดติด

หญิงชราคนหนึ่งสูญเสียบุตรชายเมื่อสามสิบปีก่อน เธอยังคงเก็บของใช้ลูกไว้ทุกชิ้น ทุกวันเธอพูดกับรูปถ่ายที่เหลืออยู่ ด้วยน้ำตาไม่เคยแห้ง เธอไม่ได้อยู่ในโลกปัจจุบันอีกต่อไป แต่จิตของเธอถูกพันธนาการด้วยเงาแห่งอดีต

การมีความทรงจำไม่ใช่ปัญหา แต่การไม่ยอมให้ความทรงจำนั้น “สลายตัว” ไปตามเต๋า คือสิ่งที่สร้างความเศร้าเรื้อรัง



๒. อนาคต: เงาของความวิตก

๒.๑ จิตที่เร่งไปข้างหน้า

เล่าจื่อไม่ได้มองว่า “การเตรียมตัว” เป็นสิ่งผิด แต่การสร้างความวิตกจากสิ่งที่ยังมาไม่ถึง คือการ “เพาะทุกข์ด้วยจินตนาการ” เต๋าสอนให้ดำรงอยู่กับสิ่งที่เป็น ไม่ใช่สิ่งที่ “อาจจะเป็น” ดังที่บทที่ 64 ของ เต๋าเต็กเก็ง กล่าว:

“การป้องกันสิ่งที่ยังไม่เกิด ย่อมง่าย
สิ่งที่บอบบาง ย่อมแตกง่าย
ผู้ฉลาดจึงจัดการตั้งแต่ยังไม่เกิดปัญหา
ยึดมั่นในเต๋าไว้ ไม่ต้องหวั่นไหว”

แต่ในยุคแห่งความเร่งรีบ คนกลับ “ปั้น” ภาพอนาคตขึ้นมา แล้วใช้มันบีบจิตใจตนเอง

๒.๒ ตัวอย่างแห่งความวิตก

นักศึกษามหาวิทยาลัยใกล้เรียนจบ เขากังวลว่า “ถ้าไม่มีงานล่ะ ถ้าเงินเดือนไม่พอเลี้ยงดูพ่อแม่ล่ะ ถ้าคนอื่นเก่งกว่าเราล่ะ” ความคิดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เมื่อจิตไม่หยุดหมุนวนในสิ่งที่ยังไม่เกิด ความกลัวก็เริ่มกลายเป็นสิ่งหลอกหลอน



๓. ปัจจุบัน: ประตูแห่งความสงบ

๓.๑ สภาพแห่งเต๋า คือ “อู่เว่ย” (無為)

คำว่า “สงบ” ในสายเต๋าไม่ได้แปลว่าการอยู่นิ่งเฉย แต่หมายถึงภาวะที่จิตไม่ต้าน ไม่ผลัก ไม่ดึง—อยู่กับสิ่งที่เป็นอย่างสมบูรณ์ นี่คือหลักแห่ง “อู่เว่ย” หรือ “การไม่กระทำที่ฝืนธรรมชาติ”

“เต๋าไม่ทำอะไร แต่ไม่มีสิ่งใดไม่สำเร็จ”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 37

จิตที่อยู่กับปัจจุบัน ไม่แสวงหา ไม่เปรียบเทียบ และไม่เร่งรัด นำไปสู่ความสงบเย็นโดยธรรม

๓.๒ ตัวอย่างแห่งการดำรงอยู่

ชายชราผู้หนึ่งตื่นแต่เช้า พรวนดิน ปลูกต้นไม้ รดน้ำ พูดคุยกับลูกหลาน เขาไม่เคยพูดถึง “เมื่อก่อนชีวิตดีกว่านี้” และไม่เคยกล่าวว่า “อนาคตเราจะลำบาก” เขาเพียงอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และตอบสนองด้วยความเมตตาและเรียบง่าย จิตของเขา “เคลื่อนไหล” ไปกับเต๋า เขาจึงสงบ



๔. อยู่กับเต๋า คืออยู่กับปัจจุบัน

คำกล่าวของเล่าจื่อในตอนต้น ไม่ได้เป็นเพียงคำปลอบใจ หากแต่คือหลักปฏิบัติที่ลึกซึ้งและเรียบง่ายที่สุดของผู้ต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ทางจิต
• อดีตคือ “เงา” ที่ไม่อาจควบคุม
• อนาคตคือ “ภาพลวง” ที่ยังไม่เกิด
• ปัจจุบันคือ “ความจริง” ที่สามารถสัมผัสได้

เต๋าคือการปล่อยให้สรรพสิ่งเป็นไปโดยไม่ฝืน
และการดำรงอยู่กับปัจจุบัน ก็คือการสอดคล้องกับเต๋า

“ผู้รู้เต๋า ไม่หวั่นไหว ไม่เร่งรีบ
สงบเย็นดุจผืนน้ำสะท้อนฟ้า
เมื่อไม่ไขว่คว้า ทุกสิ่งก็มาเอง”
— ตีความ เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 15



๕. จิตที่ไหลย้อน: อดีตเป็นเพียงเงา ไม่ใช่ความจริง

ในสายตาแห่งเต๋า อดีตไม่สามารถสัมผัสได้อีกแล้ว มันมีอยู่เพียงในรูปของความทรงจำ ซึ่งถูก “สร้างซ้ำ” โดยอัตตาและความปรุงแต่งของจิต ความเศร้าโศกจึงมักเป็นผลจาก “การเอาอดีตที่ไม่มีอยู่จริง มาแบกในปัจจุบัน”

“รูปไม่อาจมองเห็น เสียงไม่อาจได้ยิน
จับต้องไม่ได้ เรียกว่า สิ่งไร้รูปลักษณ์
พบหน้าไม่ได้ เรียกว่า เต๋า”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 14

ตัวอย่าง: ชายคนหนึ่งเคยถูกหักหลังจากเพื่อนสนิท เขาจมอยู่กับความแค้นตลอด 10 ปี เขาพูดซ้ำถึงเรื่องเดิมทุกครั้งที่เมา ความเจ็บปวดนั้น “จริง” เฉพาะในความคิด ไม่ใช่ในชีวิตจริงอีกต่อไป



๖. ความหวาดกลัวแห่งอนาคต: เงาที่จิตฉายขึ้นมาเอง

ความวิตกไม่ได้มาจากเหตุการณ์จริง แต่มาจาก “ภาพลวง” ที่จิตคาดการณ์ไว้ เต๋าสอนว่าเราควรปล่อยให้เหตุการณ์ต่างๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติ แทนที่จะควบคุมทุกอย่างล่วงหน้า

“ผู้มีคุณธรรมสูง ไม่พยายาม
ผู้มีปัญญาแท้ ไม่กังวลถึงพรุ่งนี้
เพราะรู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนได้ทุกขณะ”
— ตีความเต๋าเต็กเก็ง บทที่ 27

ตัวอย่าง: หญิงสาวคนหนึ่งใกล้แต่งงาน แต่กลับหวั่นใจว่าจะเลี้ยงลูกได้ไหม จะเลิกรากันหรือเปล่า ความกลัวนั้นยังไม่มีตัวตนจริง แต่ได้กัดกินความสงบของเธอไปแล้ว



๗. ปัจจุบันคือ “เต๋าในรูปของขณะ”

เต๋าไม่มีรูปร่าง ไม่มีชื่อ แต่ปรากฏผ่าน “ขณะนี้” หากเราอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มที่ นั่นคือการดำรงอยู่กับเต๋าอย่างแท้จริง

“เต๋าอยู่ทุกหนแห่ง
แต่ผู้ไม่หยุด จึงมองไม่เห็นมัน”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 35

ตัวอย่าง: คนสวนคนหนึ่งไม่รู้จักปรัชญาใดๆ แต่ทุกวันเขารดน้ำ ดูต้นไม้ ดูฟ้า ยิ้มให้ชีวิตโดยไม่คิดมาก นั่นคือ “การรู้เต๋า โดยไม่รู้ว่ารู้”



๘. ไม่ผลัก ไม่ดึง: หลักแห่งอู่เว่ย

“อู่เว่ย” คือหลักการไม่ทำสิ่งที่ฝืนเต๋า ไม่ขัดธรรมชาติ แต่ก็ไม่เฉื่อยชา เป็นการดำรงอยู่โดยสมดุล เปิดรับสิ่งที่เป็น โดยไม่ต้องควบคุมมัน

“มิใช่การไม่ทำงาน
แต่คือการไม่พยายามควบคุมสิ่งที่ไม่ควรควบคุม”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 48

ตัวอย่าง: ชาวประมงที่รอจังหวะน้ำขึ้นน้ำลง ไม่ฝืนคลื่น ไม่ทวนลม แต่ปล่อยตัวลอยไปตามกระแสน้ำ เป็นผู้ที่ “ทำโดยไม่ทำ”



๙. เวลาไม่ใช่ศัตรู หากเราไม่ฝืนมัน

เต๋าไม่สนใจการแบ่งเวลาเป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต แต่สนใจว่าเราสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ อย่างไร หากเราฝืนไม่ยอมแก่ ไม่ยอมเปลี่ยน เราจะทุกข์

“ผู้รู้เต๋า ยอมให้ฤดูกาลเปลี่ยนไป
โดยไม่ร้องไห้เมื่อใบไม้ร่วง”
— ตีความเต๋าเต็กเก็ง บทที่ 29

ตัวอย่าง: คนหนึ่งกลัวแก่ กลัวเปลี่ยนหน้าตา กลัวโรค เขาจึงอัดสารเสริม ดัดแปลงร่างกาย ทั้งที่ชีวิตก็เหมือนฤดู—ร่วงโรยคือธรรมดา



๑๐. สันติสุขเกิดจากการไม่ต้านอารมณ์

เล่าจื่อไม่สอนให้ “ปฏิเสธอารมณ์” แต่สอนให้ “อยู่ร่วมกับมันโดยไม่กลัว” เมื่อเราไม่ผลักไสความเศร้า ความกลัว หรือความโกรธ พวกมันจะไหลผ่านไปเหมือนลม

“ลมแรงย่อมหยุดในที่สุด
ผู้สงบ ย่อมสงบได้เพราะไม่ต้านลม”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 76

ตัวอย่าง: ผู้ปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นั่งสมาธิอยู่กับความกลัว ไม่หนี ไม่ผลัก จนกระทั่งมันสลายตัวไป เหลือแต่ความว่างเบาสบาย



๑๑. ความรู้มากเกินไป สร้างความไม่สงบ

เต๋าเตือนว่า “ปัญญา” ที่ไม่ตั้งอยู่บนความว่างและความเรียบง่าย จะนำไปสู่ความวิตกมากขึ้น การอ่านมาก คิดมาก วางแผนมาก ไม่ใช่ทางสู่ปัญญาที่แท้

“ละความรู้…จะสงบ
ลดปัญญา…จะชัด”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 19

ตัวอย่าง: นักวิเคราะห์ตลาดผู้หนึ่ง อ่านข้อมูลข่าวสารทั้งวัน แต่กลับนอนไม่หลับ วิตกตลอดเวลา เต๋าไม่ห้ามการรู้ แต่เตือนให้รู้ “อย่างไร”



๑๒. ต้นไม้ไม่กลัวพรุ่งนี้ว่าจะฝนตกไหม

ธรรมชาติเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ของเต๋า ไม่มีต้นไม้ใดเครียดว่าใบจะร่วง ไม่มีเมฆกังวลว่าจะกลั่นตัวทันเวลา ทุกสิ่งดำเนินไปตามเต๋า

“แสงอาทิตย์ไม่ถามว่าใครควรได้รับแสง
ฝนไม่ถามว่าใครควรเปียก”
— ตีความเต๋าเต็กเก็ง บทที่ 5

ตัวอย่าง: ชาวนาที่เชื่อในเต๋า ไม่ด่าฟ้าเมื่อฝนไม่ตก เขาแค่เตรียมดิน เตรียมเมล็ด แล้วปล่อยให้ฟ้าดินทำงานร่วมกัน



๑๓. เต๋าไม่มีจุดเริ่ม ไม่มีจุดจบ

อดีต อนาคต ปัจจุบัน—ทั้งหมดคือการปรากฏของเต๋าในรูปแบบต่างกัน หากมองลึกลงไป จะพบว่า ทั้งสามเป็น “มายาแห่งเวลา” ที่จิตสร้างขึ้นเอง

“เต๋าไม่มีชื่อ
อยู่ก่อนสวรรค์และโลก
อยู่นิ่ง และไร้รูปร่าง
ไม่มีต้น ไม่มีปลาย”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 25

ตัวอย่าง: คนที่จิตตื่นรู้ ย่อมไม่ถามว่า “เมื่อไหร่จะสำเร็จ” เพราะรู้ว่า เต๋าไม่เดินตามเส้นทางแบบมนุษย์



๑๔. การดำรงอยู่ คือคำตอบ ไม่ใช่คำถาม

เต๋าไม่สอนให้ค้นหาคำตอบในอนาคต แต่สอนให้เราดำรงอยู่กับสิ่งที่เป็น และ “ปล่อยให้คำตอบปรากฏเอง” เช่นเดียวกับดอกไม้ที่ผลิบานโดยไม่ตั้งคำถามว่าจะบานเมื่อใด

“ผู้รู้ไม่พูด
ผู้พูดไม่รู้
อยู่กับเต๋า ไม่ต้องถามคำถาม”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 56

ตัวอย่าง: เด็กคนหนึ่งเล่นอยู่ในสวนอย่างเพลิดเพลิน เขาไม่ถามว่า “ฉันจะได้อะไรจากสิ่งนี้” เขาแค่ “อยู่” นั่นคือเต๋า



๑๕. ความสงบคือการเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า

จิตที่สงบ ไม่ใช่จิตที่พยายามจะสงบ แต่คือจิตที่ “ปล่อยให้เต๋าทำงาน” ผ่านร่างกายและใจ โดยไม่มีความต้องการส่วนตัวมาแทรก

“ผู้ดำรงอยู่กับเต๋า
ย่อมสงบ แม้อยู่กลางพายุ”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 16

ตัวอย่าง: นักบวชเต๋าผู้หนึ่งถูกจับเข้าคุก เขานั่งสมาธิทุกวัน ไม่ร้องขออิสรภาพ เพราะเขา “เป็นอิสระจากภายใน” อยู่แล้ว



หากเข้าใจเต๋า ย่อมเข้าใจชีวิต

คำสอนของเล่าจื่อว่า

“เศร้า = อยู่ในอดีต
วิตก = อยู่ในอนาคต
สงบ = อยู่ในปัจจุบัน”
ไม่ใช่เพียงการเล่นคำ หากแต่คือสาระลึกซึ้งของการมีชีวิตที่สอดคล้องกับเต๋า

การดำรงอยู่กับปัจจุบันคือประตู
เต๋าคือเส้นทางที่ไร้เส้นทาง
และความสงบ ก็คือการ “กลับบ้าน”
กลับสู่จุดที่ไม่มีชื่อ—แต่เป็นที่ที่ใจวางลงได้อย่างแท้จริง



๑๖. ความว่างคือบ่อเกิดของทุกสิ่ง (สุญญตากับเต๋า)

ในสายตาเต๋า “ความว่าง” มิใช่ความว่างเปล่าไร้ค่า หากแต่คือความอุดม เป็น “พื้นที่เปิด” ให้สิ่งใหม่ปรากฏ เต๋าเต็กเก็งกล่าวถึง ซ่ง (สุญญตา) ไว้ว่า:

“ทำภาชนะจากดินปั้น
ช่องว่างตรงกลาง ทำให้มันใช้งานได้
เจาะประตูหน้าต่างให้บ้าน
ช่องว่างนั้นเอง ที่ทำให้บ้านมีความหมาย”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 11

โยงกับสุญญตาในพุทธศาสนา:
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เพราะว่างจากอัตตา ว่างจากสิ่งของ นั่นคือสุญญตา” (สุญญโตสูตร) เต๋าก็สอนเช่นเดียวกันว่า ผู้รู้เต๋าจะกลายเป็น “ภาชนะว่าง” ที่สามารถรับเต๋าให้ไหลผ่านโดยไม่มีความอยากใดๆ มาต้าน

ตัวอย่าง: คนที่มี “ใจว่าง” คือคนที่รับฟังได้ลึก พูดน้อยแต่มีพลัง ทำงานโดยไม่เอาตัวตนเข้าไปอวดอ้าง นั่นคือพลังของสุญญตา



๑๗. การสำเร็จโดยไม่กระทำ (無為 อู่เว่ย) คือยอดธรรม

อู่เว่ย ไม่ได้หมายถึง “ไม่ทำอะไรเลย” แต่หมายถึง “การไม่ฝืนกระแสเต๋า” คือการไม่กระทำโดยอัตตา ไม่ฝืน ไม่ดึง ไม่ผลัก การกระทำที่กลมกลืนกับธรรมชาติ

“เต๋าทำทุกสิ่ง
โดยไม่ลงมือทำ
และไม่มีสิ่งใดที่ไม่ได้ทำ”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 37

โยงกับพุทธศาสนา:
ในพุทธธรรม วิมุตติ หรือการหลุดพ้น ไม่ใช่ผลจากการทำอะไรเพิ่ม แต่เกิดจาก “การปล่อยการยึดมั่นลง”
จิตที่ถึงพระนิพพาน ไม่ได้ทำสิ่งใด แต่ “หยุดทำ” ทุกสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์

ตัวอย่าง: เหมือนภูเขาที่มั่นคง ไม่ต้องเคลื่อนไหว แต่กลับค้ำจุนแม่น้ำและชีวิตทั้งหมดไว้ นักปราชญ์ผู้หยั่งรู้เต๋า จึง “เปลี่ยนโลกโดยไม่พยายามเปลี่ยนโลก”



๑๘. กลับสู่ความว่าง = กลับสู่เต๋า

เล่าจื่อสอนว่า ทุกสิ่งในจักรวาล ล้วนเกิดจากความว่าง และต้องกลับสู่ความว่าง เปรียบได้กับการที่แม่น้ำย่อมไหลกลับสู่ทะเล นี่คือหลัก “กลับคืนสู่ราก” (復歸其根)

“การกลับคืนสู่ราก คือความสงบ
ความสงบคือการกลับคืนสู่เต๋า”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 16

โยงกับสุญญตา:
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เพราะว่าง จึงไม่มีตน ไม่มีของตน” และเมื่อเห็นความว่างอย่างถ่องแท้ ก็จักไม่ยึดถือสิ่งใดอีก กลายเป็น “การกลับบ้าน” โดยไม่ต้องเดินทาง

ตัวอย่าง: ฤๅษีผู้หนึ่งออกจากป่ากลับบ้าน เขาไม่พูดธรรมะใดๆ ไม่สอนใคร แต่ผู้คนเพียงเห็นวิธีดำรงชีวิตของเขา ก็สงบโดยไม่รู้ตัว เพราะเขา “ว่าง” จากการต้องเป็นใคร



๑๙. การอยู่เฉยอย่างตื่นรู้ ไม่ใช่ความเฉื่อยชา

เต๋าสอนว่า ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต้องเร่งเร้า การเงียบ ไม่พูด ไม่แข่งขัน ไม่ได้หมายถึงความพ่ายแพ้ แต่คือพลังที่ลึกกว่าซึ่งสอดคล้องกับเต๋า

“ผู้หยั่งรู้ ย่อมสงบ
ไม่วิ่ง ไม่แข่งขัน
แต่กลับนำหน้า”
— เต๋าเต็กเก็ง บทที่ 22

โยงกับสุญญตา:
จิตว่าง คือจิตที่ไม่กระเพื่อมเพราะการแย่งชิง เมื่อไม่มี “ตน” ที่ต้องไปถึงเป้าหมาย จึงไม่มีอะไรต้องเร่ง

ตัวอย่าง: เด็กผู้หนึ่งไม่พยายามเป็นที่หนึ่งในห้อง แต่กลับเป็นที่รักที่สุด เพราะเขาไม่แข่ง แต่เขา “เป็นของเขา” อย่างเต็มที่



๒๐. สุญญตาคือเต๋า เต๋าคือสุญญตา

เมื่อจิตไม่ยึดถือ เต๋าก็แสดงออก เมื่อใจเป็นว่าง เต๋าก็ทำงานได้โดยอิสระ ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ “จำเป็นต้องเป็นของเรา” นี่คือความเบา และความเป็นอิสระอย่างแท้จริง

“ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา
ไม่มีสิ่งใดที่ต้องควบคุม
ปล่อยทุกอย่างกลับสู่เต๋า”
— ตีความเต๋าเต็กเก็ง บทที่ 64

โยงกับพระไตรปิฎก:

“สุญญโตโลกัง อเวทิ” — พระองค์เห็นว่าโลกทั้งปวงเป็นสุญญะ ว่างจากตัวตน ว่างจากอัตตา
การเห็นเช่นนี้ เป็นการตื่นขึ้นสู่เต๋าเช่นเดียวกัน

ตัวอย่าง: นักธุรกิจคนหนึ่งเคยสะสมทรัพย์นับร้อยล้าน แต่เมื่อเจอธรรม เขาคืนทุกอย่างแก่ลูกหลาน แล้วใช้ชีวิตเงียบๆ ในชนบท เขากลายเป็น “ภาชนะว่าง” ที่เบาที่สุดในชีวิต


#Siamstr #nostr #tao #ธรรมะ #ปรัชญา
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2