Right Shift on Nostr: เคยสงสัยไหมว่า ...
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเศรษฐกิจถึงเป็นเรื่องซับซ้อนนัก? มาร่วมไขปริศนาเศรษฐศาสตร์ผ่านมุมมองที่แตกต่างระหว่างสำนักออสเตรียนและกระแสหลักกันครับ
ตลอด 3 EP ที่ผ่านมา JUST Economics ได้พาคุณดำดิ่งสู่โลกเศรษฐศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น เราได้สัมผัสกับมุมมองที่หลากหลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองที่น่าสนใจและแตกต่างจากเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก ซึ่งสำนักออสเตรียนให้ความสำคัญกับ "การกระทำของมนุษย์" และตั้งคำถามถึงบทบาทของรัฐ
ในโพสนี้.. เราจะพาคุณไปสำรวจความแตกต่างที่น่าสนใจระหว่างเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียนและเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก (หรือแนวคิดเคนเซียน) โดยอ้างอิงจากหนังสือ Principles of Economics ของ Saifedean Ammous
หัวใจหลักของเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน คือ การมองว่าระบบเศรษฐกิจเปรียบเสมือนละครเวทีขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วย "การกระทำของมนุษย์" ไม่ใช่เพียงแค่สมการหรือแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่เย็นชา
สำนักคิดนี้เชื่อว่าการจะเข้าใจระบบเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เราต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ "เหตุผล" และ "มูลค่า" ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของแต่ละบุคคล
ลองนึกภาพตามนะครับ.. เวลาที่เราเลือกซื้อสินค้าสักชิ้น การตัดสินใจของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ "มูลค่า" ที่เราให้กับสินค้านั้นๆ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากความชอบส่วนตัว สถานการณ์ในขณะนั้น และแม้กระทั่งความขาดแคลนของสินค้า
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "มูลค่าอัตวิสัย (Subjective Value)"
ดังที่ Carl Menger นักเศรษฐศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า "มูลค่าไม่มีอยู่นอกเหนือจิตสำนึกของมนุษย์"
ในทางกลับกัน.. เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก มักจะพยายามอธิบายระบบเศรษฐกิจด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และสมการ โดยมองว่า "มูลค่า" เป็นสิ่งที่วัดได้ สามารถกำหนดเป็นตัวเลขได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม Saifedean Ammous มองว่าแนวทางนี้อาจเป็นการ "Scientism" หรือการยึดติดกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์มากเกินไป จนมองข้ามความซับซ้อนของการกระทำของมนุษย์
การใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในทางเศรษฐศาสตร์ มักจะมาพร้อมกับสมการที่ไม่คงที่และถือเป็นการพยายามลดทอนความซับซ้อนของการกระทำของมนุษย์ให้เหลือเพียงตัวแปรที่วัดได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำงานของระบบเศรษฐกิจ
เพราะในความเป็นจริงมนุษย์ไม่ได้ตัดสินใจตามแบบจำลอง แต่ตัดสินใจตาม "เหตุผล" และ "มูลค่า" ที่ตนเองให้
อีกหนึ่งจุดที่แตกต่าง.. คือมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของรัฐ เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก มักจะมองว่ารัฐควรมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาในระบบเศรษฐกิจ
เช่น การควบคุมราคา การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการอุดหนุนราคา ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ John Maynard Keynes ที่เชื่อว่ารัฐบาลควรเข้ามาแทรกแซงเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างงาน
แต่เศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียนมองว่า.. การแทรกแซงของรัฐในระบบตลาดเสรีมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
ตัวอย่างเช่น การกำหนดราคาสินค้าโดยรัฐอาจนำไปสู่การขาดแคลนสินค้า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจทำให้คนงานตกงาน และการอุดหนุนโดยรัฐอาจทำให้เกิดการผลิตและบริโภคที่มากเกินความจำเป็น
ตัวอย่างผลกระทบจากการแทรกแซงของรัฐที่สำนักออสเตรียนมองว่าไม่พึงประสงค์ เช่น..
การควบคุมราคา - หากรัฐเข้ามาควบคุมราคาสินค้า เช่น การกำหนดเพดานราคา อาจทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดแคลนได้ เพราะผู้ผลิตจะไม่มีแรงจูงใจในการผลิตสินค้าออกมาขายในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน
Robert Schuettinger และ Eamonn Butler ได้บันทึกไว้ในหนังสือ Forty Centuries of Wage and Price Control: How Not to Fight Inflation ว่าการควบคุมราคามักจะนำไปสู่ตลาดมืด ที่ผู้คนยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้สินค้าที่ขาดแคลน
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ - การที่รัฐกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ อาจส่งผลให้นายจ้างบางรายไม่สามารถจ่ายค่าแรงที่สูงขึ้นได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดการจ้างงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด
การอุดหนุนสินค้า - การอุดหนุนของรัฐบาล เช่น การอุดหนุนสินค้าเกษตร อาจทำให้เกิดการผลิตและบริโภคสินค้ามากเกินความจำเป็น เพราะทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจตาม "มูลค่า" ที่แท้จริงของสินค้า
ผลที่ตามมาคือ ทรัพยากรของประเทศอาจถูกจัดสรรไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
เศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน เน้นย้ำถึงความสำคัญของ "เสรีภาพ" และ "ตลาดเสรี" ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ โดยมองว่าการแทรกแซงของรัฐมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
ในขณะที่เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก มองว่ารัฐมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาตลาดและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
การทำความเข้าใจมุมมองที่แตกต่างของทั้งสองสำนักคิด จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของระบบเศรษฐกิจได้อย่างรอบด้าน และสามารถวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่าลืมติดตาม JUST Economics EP ต่อไปกันนะครับ เราจะพาคุณไปสำรวจโลกเศรษฐศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น รับรองว่า สนุก เข้าใจง่าย และได้ความรู้แน่นปึ๊กอย่างแน่นอนครับ
— SOUP (nprofile…tu89)
#Siamstr
ตลอด 3 EP ที่ผ่านมา JUST Economics ได้พาคุณดำดิ่งสู่โลกเศรษฐศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น เราได้สัมผัสกับมุมมองที่หลากหลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองที่น่าสนใจและแตกต่างจากเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก ซึ่งสำนักออสเตรียนให้ความสำคัญกับ "การกระทำของมนุษย์" และตั้งคำถามถึงบทบาทของรัฐ
ในโพสนี้.. เราจะพาคุณไปสำรวจความแตกต่างที่น่าสนใจระหว่างเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียนและเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก (หรือแนวคิดเคนเซียน) โดยอ้างอิงจากหนังสือ Principles of Economics ของ Saifedean Ammous
หัวใจหลักของเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน คือ การมองว่าระบบเศรษฐกิจเปรียบเสมือนละครเวทีขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วย "การกระทำของมนุษย์" ไม่ใช่เพียงแค่สมการหรือแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่เย็นชา
สำนักคิดนี้เชื่อว่าการจะเข้าใจระบบเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เราต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ "เหตุผล" และ "มูลค่า" ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของแต่ละบุคคล
ลองนึกภาพตามนะครับ.. เวลาที่เราเลือกซื้อสินค้าสักชิ้น การตัดสินใจของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ "มูลค่า" ที่เราให้กับสินค้านั้นๆ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากความชอบส่วนตัว สถานการณ์ในขณะนั้น และแม้กระทั่งความขาดแคลนของสินค้า
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "มูลค่าอัตวิสัย (Subjective Value)"
ดังที่ Carl Menger นักเศรษฐศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า "มูลค่าไม่มีอยู่นอกเหนือจิตสำนึกของมนุษย์"
ในทางกลับกัน.. เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก มักจะพยายามอธิบายระบบเศรษฐกิจด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และสมการ โดยมองว่า "มูลค่า" เป็นสิ่งที่วัดได้ สามารถกำหนดเป็นตัวเลขได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม Saifedean Ammous มองว่าแนวทางนี้อาจเป็นการ "Scientism" หรือการยึดติดกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์มากเกินไป จนมองข้ามความซับซ้อนของการกระทำของมนุษย์
การใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในทางเศรษฐศาสตร์ มักจะมาพร้อมกับสมการที่ไม่คงที่และถือเป็นการพยายามลดทอนความซับซ้อนของการกระทำของมนุษย์ให้เหลือเพียงตัวแปรที่วัดได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำงานของระบบเศรษฐกิจ
เพราะในความเป็นจริงมนุษย์ไม่ได้ตัดสินใจตามแบบจำลอง แต่ตัดสินใจตาม "เหตุผล" และ "มูลค่า" ที่ตนเองให้
อีกหนึ่งจุดที่แตกต่าง.. คือมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของรัฐ เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก มักจะมองว่ารัฐควรมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาในระบบเศรษฐกิจ
เช่น การควบคุมราคา การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการอุดหนุนราคา ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ John Maynard Keynes ที่เชื่อว่ารัฐบาลควรเข้ามาแทรกแซงเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างงาน
แต่เศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียนมองว่า.. การแทรกแซงของรัฐในระบบตลาดเสรีมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
ตัวอย่างเช่น การกำหนดราคาสินค้าโดยรัฐอาจนำไปสู่การขาดแคลนสินค้า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจทำให้คนงานตกงาน และการอุดหนุนโดยรัฐอาจทำให้เกิดการผลิตและบริโภคที่มากเกินความจำเป็น
ตัวอย่างผลกระทบจากการแทรกแซงของรัฐที่สำนักออสเตรียนมองว่าไม่พึงประสงค์ เช่น..
การควบคุมราคา - หากรัฐเข้ามาควบคุมราคาสินค้า เช่น การกำหนดเพดานราคา อาจทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดแคลนได้ เพราะผู้ผลิตจะไม่มีแรงจูงใจในการผลิตสินค้าออกมาขายในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน
Robert Schuettinger และ Eamonn Butler ได้บันทึกไว้ในหนังสือ Forty Centuries of Wage and Price Control: How Not to Fight Inflation ว่าการควบคุมราคามักจะนำไปสู่ตลาดมืด ที่ผู้คนยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้สินค้าที่ขาดแคลน
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ - การที่รัฐกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ อาจส่งผลให้นายจ้างบางรายไม่สามารถจ่ายค่าแรงที่สูงขึ้นได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดการจ้างงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด
การอุดหนุนสินค้า - การอุดหนุนของรัฐบาล เช่น การอุดหนุนสินค้าเกษตร อาจทำให้เกิดการผลิตและบริโภคสินค้ามากเกินความจำเป็น เพราะทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจตาม "มูลค่า" ที่แท้จริงของสินค้า
ผลที่ตามมาคือ ทรัพยากรของประเทศอาจถูกจัดสรรไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
เศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน เน้นย้ำถึงความสำคัญของ "เสรีภาพ" และ "ตลาดเสรี" ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ โดยมองว่าการแทรกแซงของรัฐมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
ในขณะที่เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก มองว่ารัฐมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาตลาดและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
การทำความเข้าใจมุมมองที่แตกต่างของทั้งสองสำนักคิด จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของระบบเศรษฐกิจได้อย่างรอบด้าน และสามารถวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่าลืมติดตาม JUST Economics EP ต่อไปกันนะครับ เราจะพาคุณไปสำรวจโลกเศรษฐศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น รับรองว่า สนุก เข้าใจง่าย และได้ความรู้แน่นปึ๊กอย่างแน่นอนครับ
— SOUP (nprofile…tu89)
#Siamstr