bank_terry on Nostr: ...
แชร์ลูกโซ่ปีศาจตัวเก่าในร่างใหม่
หากพูดถึงคำว่าแชร์ลูกโซ่เชื่อเหลือเกินว่าในชีวิตของพวกเราทุกคนต้องเคยรู้จัก เคยได้ยิน หรืออย่างแย่ที่สุดคือเคยเข้าไปข้องเกี่ยวกับมัน แต่ผมก็เชื่ออีกเหมือนกันว่าในอีกทางหนึ่งต้องมีคนที่ไม่ได้รู้ว่ามันคืออะไรและซ้ำร้ายความไม่รู้นี้เองจะนำชีวิตของพวกเขาไปสู่หายนะ
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ตามข่าวอะไรมากมายนัก รายการโทรทัศน์ดัง ๆ ที่นำสิ่งที่เป็นกระแสต่าง ๆ มาพูดถึงผมก็เพียงแค่รู้จักแต่ไม่ได้ติดตามเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่บังเอิญมีโอกาสได้นั่งทำงานแล้วหาเพลงใน Youtube ก็ไปเจอวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่และเมื่อได้เห็นหน้าตาของผู้ที่มีโอกาสจะเป็นผู้หลอกลวงผู้อื่นนั้นเป็นถึงระดับบุคคลสาธารณะที่ดูมีเครดิตและไม่น่าจะมาทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็กลับเป็นไปแล้ว
พอติดตามข่าวเพิ่มเติมก็รู้สึกเหมือนได้ชมภาพยนตร์บทเก่าแต่นักแสดงใหม่ กล่าวคือกระบวนการทุกอย่างนั้นเหมือนเดิมแต่หน้ากากหรือสิ่งที่เรียกให้คนยอมนำเงินเข้ามาในระบบแชร์ลูกโซ่นั้นจะเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อย ๆ ทองคำ คริปโต ฟอเรกซ์ หุ้น เกษตรกรรม สิ่งที่เป็นการลงทุนจริง ๆ ถูกนำมาใช้แค่ “ชื่อ” แต่ไม่ได้เกิดการลงทุนนั้นจริง ๆ ในระบบแชร์ลูกโซ่ มันเป็นเพียงการนำเงินของคนเข้าใหม่ มาจ่ายให้คนเข้าก่อนหน้า วนไปเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าเรื่องมันจะแดงก็ต่อเมื่อไม่มีเงินใหม่เข้ามาในระบบ ก็ไม่มีเงินไปจ่ายให้ใครได้อีกเพราะเงินนั้นไม่ได้มาจากธุรกิจหรือการค้าขายใด ๆ แต่มาจากเงินของคนที่เข้ามาใหม่ที่ยอมจ่ายเพราะหวังผลตอบแทน
ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นอาจจะมีบางท่านสงสัยว่ากลอุบายง่าย ๆ แบบนี้เพราะเหตุใดจึงมีคนเชื่อ เพราะเหตุใดจึงยังมีแชร์ลูกโซ่ เกิดขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ ชนิดที่ฆ่าไม่ตาย เผลอ ๆ อาจจะมีมากขึ้นแบบทวีคูณ เหตุผลแรกคือต้องยอมรับว่าเหล่านักต้มตุ๋นทั้งหลายนั้นเก่งเหลือเกินในการทำให้คนเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นการนำคนที่มีบทบาททางสังคมเช่น ดารา นักร้อง มาเป็นผู้พูดชักชวนและให้แรงบันดาลใจ การจัดทำบรรยากาศการในการพูดคุยให้ “ธุรกิจปลอม ๆ“ นั้นน่าเชื่อถือ เสียงปรบมือ เหล่าหน้าม้าที่คอยพูดว่ามันดีอย่างนั้น อย่างนี้ ผมได้รถเพราะธุรกิจนี้ ฉันปลดหนี้ด้วยการลงทุนนี้ การแย่งกันจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าสมัครเหมือนกับว่าหากเราไม่สมัครตอนนี้จะไม่ทันคนอื่นทั้ง ๆ ที่ คนเหล่านั้นมีส่วนหนึ่งเป็นหน้าม้าเพื่อสร้างบรรยากาศเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่สองนั้นมันดูโหดร้ายแต่มันคือความจริงนั่นคือ “ความโลภ” ความโลภที่พลังการทำลายหลักการและเหตุผล ไม่มองอะไรด้วยความเป็นจริง แต่จะพยายามมองสิ่งนั้นให้ตอบสนองความโลภตนเอง เมื่อคนมีความโลภก็ไม่ต่างอะไรกับปูที่พึ่งลอกคราบกล่าวคือมันอ่อนแอจะโดนทำอะไรก็ไร้แรงต้าน หากจะพูดแรง ๆ คือ โลภจนสมองหาย
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวันอยู่ที่ว่าจะเกิดกับเราหรือคนใกล้ตัวเราหรือเปล่าตัวผมนั้นที่กล้าออกมาพิมพ์บทความแบบนี้เนื่องจากผมได้มีประสบการณ์การตรงกับแชร์ลูกโซ่ ทั้งกับตนเองและคนใกล้ชิด เริ่มจากเรื่องของตนเองก่อน
ย้อนกลับไปสักสิบกว่าปีก่อนได้ตอนนั้นจำได้ว่าจบมัธยมปลายใหม่ ๆ มีช่วงเวลาว่างประกอบกับตอนนั้นเข้าไปหางานทำในกรุงเทพเพื่อที่จะเตรียมเงินไว้สำหรับการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป ชีวิตก็ดำเนินไปอย่างปกติทำงาน กิน นอน เก็บเงินให้ได้เยอะที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนสมัยมัธยมเห็นว่าอยู่กรุงเทพเหมือนกันจึงมาชวนไปกินข้าว
เอาจริง ๆ ผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะไม่ได้สนิทอะไรกันมากขนาดนั้นแต่ชีวิตในเมืองหลวงการได้เจอเพื่อนมันก็เป็นเรื่องที่ดีจึงตอบตกลงไป พอถึงวันที่นัดเพื่อนคนดังกล่าวก็บอกว่าจะพาไปฟังอะไรที่น่าสนใจก่อน
ในหัวผม ณ ตอนนั้นระบบรักษาความปลอดภัยมันทำงานขั้นสูงสุดหรือพูดง่าย ๆ ว่า มีความระแวงขั้นสุดว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นแชร์ลูกโซ่ไม่มากก็น้อย ผมเข้าไปที่ตึกหนึ่งเป็นห้องประชุมแล้วก็ได้พบว่ามันเป็นตามคาดจริงผมต้องตามน้ำนั่งฟังธุรกิจปลอม ๆ พร้อมสิ่งที่พรั่งพรูในหัว ทั้งความโมโห เสียความรู้สึกกับเพื่อน เสียงปรบมือ เหล่าคนที่ขึ้นเวทีมาพูดย้ำ ๆ ว่า “รวย ๆๆๆ ” ปิดท้ายด้วยการนั่งล้อมเป็นวงกลมให้พูดความรู้สึกทีละคนว่ารู้สึกอย่างไร
แน่นอนครับว่าแต่ละคนก็พูดความฝันตนเองทั้งนั้นว่าอยากรวย จะรวย จะประสบความสำเร็จ จนวนมาถึงผมนั่นแหละครับ ผมลุกขึ้นยืนพูดประโยคที่ผมไม่คิดว่าผมจะกล้าพูดออกไป “ผมไม่สนใจกับธุรกิจนี้ครับ” ท่ามกลางความเงียบงันของกลุ่มสนทนานั้น
ผมจึงได้มีโอกาสเดินออกมาโดยมีเพื่อนตามมาติด ๆ เพื่อนก็รับรู้ว่าผมไม่พอใจแต่ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรได้แต่เตือนเพื่อนว่าสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่แบบที่คิดแล้วก็ผมก็กลับบ้านโดยไม่ได้ติดตามว่าสุดท้ายผู้คนในวันนั้นจะกลายเป็นเหยื่อไปกี่คน ผมรู้แค่เพียงว่าผมต้องไม่เป็นเหยื่อของความโลภเด็ดขาด
ที่ผมรอดวันนั้นมาได้อาจเพราะผมเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ซวยมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนผมจะมองโลกในแง่ลบไว้ก่อน โดยเฉพาะเวลาที่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมันจะสบายขึ้น ดีขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล
เพราะเรื่องที่ชวนให้เรารู้สึกดีนี่แหละเป็นต้นเหตุของความทุกข์มานักต่อนัก แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะคนโลภนั้นไม่มีเหตุผล
แชร์ลูกโซ่มันหลอกให้คนมาเสียเงินมากมายแต่เชื่อไหมครับผู้เสียหายจะมีหลายกลุ่มมาก เช่น กลุ่มที่เป็นคนมีเงินสักหน่อยนำเงินที่มีมาต่อยอดคนเหล่านี้จะเข้ามาเพราะมองว่ามันเป็นการลงทุนทำส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้นจึงยอมนำเงินมาลงทุน พวกเขาจะสูญเสียเงินลงทุนของเขาไปแต่ชีวิตยังอยู่ได้เพราะยังมีเงินเก็บส่วนอื่น ๆ เต็มที่ก็คือเสียดายแต่ชีวิตยังไม่พังสามารถซ่อมแซมและสร้างใหม่ได
้ แต่กลุ่มที่ผมเป็นห่วงที่สุดคือกลุ่มคนที่เงินเดือนชนเดือนหรือคนที่เงินไม่พอใช้คนเหล่านี้การเข้ามาในแชร์ลูกโซ่นั้นแตกต่างจากกลุ่มแรก คือพวกเขาเข้ามาด้วยความโลภและความหวัง หวังว่าเงินที่เอาไว้ใช้กินข้าว ใช้ดำรงชีวิต นำมาลงในธุรกิจแล้วชีวิตเขาจะพลิกผันกลายเป็นคนร่ำรวยไม่ลำบาก
ซึ่งมองตามหลักความเป็นจริงมันแทบเป็นไปไม่ได้แต่อย่างที่กล่าวไปว่าความโลภมันทำลายความสมเหตุสมผลทุกอย่างไป พอโดนหลอกบางคน เอาค่าไฟ บางคนเอาค่าเทอมลูก บางคนขายที่ดินผืนสุดท้าย บางคนกู้เงินยอมติดหนี้ มาเสียกับแชร์ลูกโซ่ พอมารู้ว่าโดนหลอก ไม่ได้เงินกลับคืนและสูญเสียอีกต่างหาก
คุณคิดว่าชีวิตของคนเหล่านี้จะเป็นอย่างไรครับ ผมขนลุกที่จะต้องคิดต่อ ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีข้าวกิน ลูกไม่ได้เรียนหนังสือ ติดหนี้นอกระบบ ชีวิตพวกเขาจะต้องอยู่อย่างลำบาก มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพียงเพราะกลุ่มคนบางคนที่อยากร่ำรวยบนความลำบากของผู้อื่น
ความโลภนำพาให้ผู้คนสูญเสียว่าแย่แล้ว แต่คนอยากที่ร่ำรวยบนหยาดน้ำตาของผู้อื่นในใจของพวกเขาคงขับเคลื่อนด้วยความเลวสุดขุมนรก..
#siamstr
หากพูดถึงคำว่าแชร์ลูกโซ่เชื่อเหลือเกินว่าในชีวิตของพวกเราทุกคนต้องเคยรู้จัก เคยได้ยิน หรืออย่างแย่ที่สุดคือเคยเข้าไปข้องเกี่ยวกับมัน แต่ผมก็เชื่ออีกเหมือนกันว่าในอีกทางหนึ่งต้องมีคนที่ไม่ได้รู้ว่ามันคืออะไรและซ้ำร้ายความไม่รู้นี้เองจะนำชีวิตของพวกเขาไปสู่หายนะ
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ตามข่าวอะไรมากมายนัก รายการโทรทัศน์ดัง ๆ ที่นำสิ่งที่เป็นกระแสต่าง ๆ มาพูดถึงผมก็เพียงแค่รู้จักแต่ไม่ได้ติดตามเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่บังเอิญมีโอกาสได้นั่งทำงานแล้วหาเพลงใน Youtube ก็ไปเจอวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่และเมื่อได้เห็นหน้าตาของผู้ที่มีโอกาสจะเป็นผู้หลอกลวงผู้อื่นนั้นเป็นถึงระดับบุคคลสาธารณะที่ดูมีเครดิตและไม่น่าจะมาทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็กลับเป็นไปแล้ว
พอติดตามข่าวเพิ่มเติมก็รู้สึกเหมือนได้ชมภาพยนตร์บทเก่าแต่นักแสดงใหม่ กล่าวคือกระบวนการทุกอย่างนั้นเหมือนเดิมแต่หน้ากากหรือสิ่งที่เรียกให้คนยอมนำเงินเข้ามาในระบบแชร์ลูกโซ่นั้นจะเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อย ๆ ทองคำ คริปโต ฟอเรกซ์ หุ้น เกษตรกรรม สิ่งที่เป็นการลงทุนจริง ๆ ถูกนำมาใช้แค่ “ชื่อ” แต่ไม่ได้เกิดการลงทุนนั้นจริง ๆ ในระบบแชร์ลูกโซ่ มันเป็นเพียงการนำเงินของคนเข้าใหม่ มาจ่ายให้คนเข้าก่อนหน้า วนไปเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าเรื่องมันจะแดงก็ต่อเมื่อไม่มีเงินใหม่เข้ามาในระบบ ก็ไม่มีเงินไปจ่ายให้ใครได้อีกเพราะเงินนั้นไม่ได้มาจากธุรกิจหรือการค้าขายใด ๆ แต่มาจากเงินของคนที่เข้ามาใหม่ที่ยอมจ่ายเพราะหวังผลตอบแทน
ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นอาจจะมีบางท่านสงสัยว่ากลอุบายง่าย ๆ แบบนี้เพราะเหตุใดจึงมีคนเชื่อ เพราะเหตุใดจึงยังมีแชร์ลูกโซ่ เกิดขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ ชนิดที่ฆ่าไม่ตาย เผลอ ๆ อาจจะมีมากขึ้นแบบทวีคูณ เหตุผลแรกคือต้องยอมรับว่าเหล่านักต้มตุ๋นทั้งหลายนั้นเก่งเหลือเกินในการทำให้คนเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นการนำคนที่มีบทบาททางสังคมเช่น ดารา นักร้อง มาเป็นผู้พูดชักชวนและให้แรงบันดาลใจ การจัดทำบรรยากาศการในการพูดคุยให้ “ธุรกิจปลอม ๆ“ นั้นน่าเชื่อถือ เสียงปรบมือ เหล่าหน้าม้าที่คอยพูดว่ามันดีอย่างนั้น อย่างนี้ ผมได้รถเพราะธุรกิจนี้ ฉันปลดหนี้ด้วยการลงทุนนี้ การแย่งกันจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าสมัครเหมือนกับว่าหากเราไม่สมัครตอนนี้จะไม่ทันคนอื่นทั้ง ๆ ที่ คนเหล่านั้นมีส่วนหนึ่งเป็นหน้าม้าเพื่อสร้างบรรยากาศเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่สองนั้นมันดูโหดร้ายแต่มันคือความจริงนั่นคือ “ความโลภ” ความโลภที่พลังการทำลายหลักการและเหตุผล ไม่มองอะไรด้วยความเป็นจริง แต่จะพยายามมองสิ่งนั้นให้ตอบสนองความโลภตนเอง เมื่อคนมีความโลภก็ไม่ต่างอะไรกับปูที่พึ่งลอกคราบกล่าวคือมันอ่อนแอจะโดนทำอะไรก็ไร้แรงต้าน หากจะพูดแรง ๆ คือ โลภจนสมองหาย
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวันอยู่ที่ว่าจะเกิดกับเราหรือคนใกล้ตัวเราหรือเปล่าตัวผมนั้นที่กล้าออกมาพิมพ์บทความแบบนี้เนื่องจากผมได้มีประสบการณ์การตรงกับแชร์ลูกโซ่ ทั้งกับตนเองและคนใกล้ชิด เริ่มจากเรื่องของตนเองก่อน
ย้อนกลับไปสักสิบกว่าปีก่อนได้ตอนนั้นจำได้ว่าจบมัธยมปลายใหม่ ๆ มีช่วงเวลาว่างประกอบกับตอนนั้นเข้าไปหางานทำในกรุงเทพเพื่อที่จะเตรียมเงินไว้สำหรับการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป ชีวิตก็ดำเนินไปอย่างปกติทำงาน กิน นอน เก็บเงินให้ได้เยอะที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนสมัยมัธยมเห็นว่าอยู่กรุงเทพเหมือนกันจึงมาชวนไปกินข้าว
เอาจริง ๆ ผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะไม่ได้สนิทอะไรกันมากขนาดนั้นแต่ชีวิตในเมืองหลวงการได้เจอเพื่อนมันก็เป็นเรื่องที่ดีจึงตอบตกลงไป พอถึงวันที่นัดเพื่อนคนดังกล่าวก็บอกว่าจะพาไปฟังอะไรที่น่าสนใจก่อน
ในหัวผม ณ ตอนนั้นระบบรักษาความปลอดภัยมันทำงานขั้นสูงสุดหรือพูดง่าย ๆ ว่า มีความระแวงขั้นสุดว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นแชร์ลูกโซ่ไม่มากก็น้อย ผมเข้าไปที่ตึกหนึ่งเป็นห้องประชุมแล้วก็ได้พบว่ามันเป็นตามคาดจริงผมต้องตามน้ำนั่งฟังธุรกิจปลอม ๆ พร้อมสิ่งที่พรั่งพรูในหัว ทั้งความโมโห เสียความรู้สึกกับเพื่อน เสียงปรบมือ เหล่าคนที่ขึ้นเวทีมาพูดย้ำ ๆ ว่า “รวย ๆๆๆ ” ปิดท้ายด้วยการนั่งล้อมเป็นวงกลมให้พูดความรู้สึกทีละคนว่ารู้สึกอย่างไร
แน่นอนครับว่าแต่ละคนก็พูดความฝันตนเองทั้งนั้นว่าอยากรวย จะรวย จะประสบความสำเร็จ จนวนมาถึงผมนั่นแหละครับ ผมลุกขึ้นยืนพูดประโยคที่ผมไม่คิดว่าผมจะกล้าพูดออกไป “ผมไม่สนใจกับธุรกิจนี้ครับ” ท่ามกลางความเงียบงันของกลุ่มสนทนานั้น
ผมจึงได้มีโอกาสเดินออกมาโดยมีเพื่อนตามมาติด ๆ เพื่อนก็รับรู้ว่าผมไม่พอใจแต่ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรได้แต่เตือนเพื่อนว่าสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่แบบที่คิดแล้วก็ผมก็กลับบ้านโดยไม่ได้ติดตามว่าสุดท้ายผู้คนในวันนั้นจะกลายเป็นเหยื่อไปกี่คน ผมรู้แค่เพียงว่าผมต้องไม่เป็นเหยื่อของความโลภเด็ดขาด
ที่ผมรอดวันนั้นมาได้อาจเพราะผมเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ซวยมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนผมจะมองโลกในแง่ลบไว้ก่อน โดยเฉพาะเวลาที่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมันจะสบายขึ้น ดีขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล
เพราะเรื่องที่ชวนให้เรารู้สึกดีนี่แหละเป็นต้นเหตุของความทุกข์มานักต่อนัก แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะคนโลภนั้นไม่มีเหตุผล
แชร์ลูกโซ่มันหลอกให้คนมาเสียเงินมากมายแต่เชื่อไหมครับผู้เสียหายจะมีหลายกลุ่มมาก เช่น กลุ่มที่เป็นคนมีเงินสักหน่อยนำเงินที่มีมาต่อยอดคนเหล่านี้จะเข้ามาเพราะมองว่ามันเป็นการลงทุนทำส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้นจึงยอมนำเงินมาลงทุน พวกเขาจะสูญเสียเงินลงทุนของเขาไปแต่ชีวิตยังอยู่ได้เพราะยังมีเงินเก็บส่วนอื่น ๆ เต็มที่ก็คือเสียดายแต่ชีวิตยังไม่พังสามารถซ่อมแซมและสร้างใหม่ได
้ แต่กลุ่มที่ผมเป็นห่วงที่สุดคือกลุ่มคนที่เงินเดือนชนเดือนหรือคนที่เงินไม่พอใช้คนเหล่านี้การเข้ามาในแชร์ลูกโซ่นั้นแตกต่างจากกลุ่มแรก คือพวกเขาเข้ามาด้วยความโลภและความหวัง หวังว่าเงินที่เอาไว้ใช้กินข้าว ใช้ดำรงชีวิต นำมาลงในธุรกิจแล้วชีวิตเขาจะพลิกผันกลายเป็นคนร่ำรวยไม่ลำบาก
ซึ่งมองตามหลักความเป็นจริงมันแทบเป็นไปไม่ได้แต่อย่างที่กล่าวไปว่าความโลภมันทำลายความสมเหตุสมผลทุกอย่างไป พอโดนหลอกบางคน เอาค่าไฟ บางคนเอาค่าเทอมลูก บางคนขายที่ดินผืนสุดท้าย บางคนกู้เงินยอมติดหนี้ มาเสียกับแชร์ลูกโซ่ พอมารู้ว่าโดนหลอก ไม่ได้เงินกลับคืนและสูญเสียอีกต่างหาก
คุณคิดว่าชีวิตของคนเหล่านี้จะเป็นอย่างไรครับ ผมขนลุกที่จะต้องคิดต่อ ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีข้าวกิน ลูกไม่ได้เรียนหนังสือ ติดหนี้นอกระบบ ชีวิตพวกเขาจะต้องอยู่อย่างลำบาก มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพียงเพราะกลุ่มคนบางคนที่อยากร่ำรวยบนความลำบากของผู้อื่น
ความโลภนำพาให้ผู้คนสูญเสียว่าแย่แล้ว แต่คนอยากที่ร่ำรวยบนหยาดน้ำตาของผู้อื่นในใจของพวกเขาคงขับเคลื่อนด้วยความเลวสุดขุมนรก..
#siamstr