What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-01-31 08:15:04

maiakee on Nostr: ...



🪷คำถาม ⁉️: จิต มโน วิญญาณ เป็นสิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏจริงไหมครับ?
หากเป็นเช่นนั้น แสดงว่า มัน ไม่อาศัยอะไรในการเกิดใช่ไหม?

คำตอบ‼️: สัตตานังต่างหากครับ ที่เป็นตัวไปเวียนว่ายตายเกิด เพราะ มี
อวิชชาเป็นเครื่องกั้น ตัณหาเป็นเครื่อง
ผู้ก
จิต มโน วิญญาณ มันก็แค่ธาตุๆนึ่งตาม
ธรรมชาติ ไม่อาศัยเกิดนี่เข้าใจผิดครับเพราะมันเป็น สังขตธรรม คือมีเหตุทำให้เกิด มโน หรือธาตุรู้ มีได้เพราะ ฉันทะ ราคะ นันทิ เปรียบเหมือนแสงอาทิตย์ ส่องลงมาที่ฉากโดยฉากคือ
อารมณ์หรือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
ธรรมารมณ์ มีวิญญาณเป็นกิริยาการรู้แจ้ง วิญญาณมาตั้งอาศัยเรียกว่า
วิญญาณฐิติ หรือที่ตั้งวิญญาณ ตั้งได้ใน4ที่ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารเรียกรวม สิ่งนี้ว่าจิต จะเห็นได้ว่าถ้าตัด
เหตุปัจจัยในการเกิดของ จิต จิตก็จะดับ
ไป คือ ตัดกรรม คือผืนนา ตัด วิญญาณ
คือพืช ตัดตัณหา คือยางในพืช ตัด นันทิ
ราคะ หรือ น้ำในพืช

🪷อธิบายโดยละเอียด ‼️

๑. สัตตานังกับการเวียนว่ายตายเกิด

พุทธพจน์ใน สํ.นิทาน. ๑๖/๒๖/๓๖ ตรัสว่า:
“อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…”
“เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงเกิด”
• อวิชชา (ความไม่รู้) คือมูลเหตุแห่งสังสารวัฏ เมื่ออวิชชาเป็นเครื่องกั้นไว้ ทำให้เกิด ตัณหา (ความทะยานอยาก) เป็นเชื้อเพลิงให้เกิดกรรมใหม่ ส่งผลให้ “สัตว์ทั้งหลาย” (สัตตานัง) ต้องเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตาม ปฏิจจสมุปบาท

๒. จิต มโน วิญญาณ : สังขตธรรมที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิด

๒.๑ ลักษณะเป็นสังขตธรรม

พุทธพจน์ใน ขุ.สุ. ๒๕/๕๖๙/๔๔๒ ตรัสว่า:
“สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง… เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่ง”
• จิต (citta), มโน (mano), วิญญาณ (viññāṇa) ล้วนเป็น สังขตธรรม (สิ่งถูกปรุงแต่ง) ไม่อาจตั้งอยู่อย่างอิสระ ต้องอาศัยเหตุปัจจัย เช่น
• ฉันทะ (ความพอใจ)
• ราคะ (ความกำหนัด)
• นันทิ (ความเพลิดเพลิน)
เป็นเชื้อให้เกิด “มโน” หรือ “ธาตุรู้”

๒.๒ การเปรียบเทียบกับแสงอาทิตย์และฉาก
• แสงอาทิตย์ (มโน/ธาตุรู้) : เปรียบเหมือน “การทำงานของจิต” ที่ต้องอาศัยเหตุ (ฉันทะ ราคะ นันทิ) เหมือนแสงอาทิตย์ต้องอาศัยดวงอาทิตย์
• ฉาก (อารมณ์ ๖) : คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่เป็นที่ตั้งให้วิญญาณเกิด (วิญญาณฐิติ)
เช่น เมื่อตากระทบรูป → จักขุวิญญาณเกิด
(อ้างอิง สํ.สฬา. ๑๘/๒๙๖/๑๖๙)

๓. วิญญาณฐิติ ๔: ที่ตั้งแห่งวิญญาณ

พุทธพจน์ใน สํ.ข. ๑๗/๑๘๙/๖๘ (วิญญาณฐิติสุตต) ตรัสว่า:
“วิญญาณตั้งอยู่ได้ ๔ อย่าง คือ รูป… เวทนา… สัญญา… สังขาร”
• รูปฐิติ: วิญญาณอาศัยรูป (เช่น เห็นสีสันแล้วจดจ่อ)
• เวทนาฐิติ: วิญญาณอาศัยเวทนา (เช่น รู้สึกสุข/ทุกข์แล้วยึดติด)
• สัญญาฐิติ: วิญญาณอาศัยสัญญา (เช่น จำได้หมายรู้แล้วสร้างมโนภาพ)
• สังขารฐิติ: วิญญาณอาศัยสังขาร (เช่น ความคิดปรุงแต่งต่อเนื่อง)

ตัวอย่าง: เมื่อคนหนึ่งเห็นดอกไม้ (รูป) → เกิดจักขุวิญญาณ → รู้สึกชอบใจ (เวทนา) → จำได้ว่าเป็นดอกกุหลาบ (สัญญา) → ปรุงคิดว่า “ต้องซื้อไปให้แฟน” (สังขาร) → วิญญาณวนเวียนอยู่กับอารมณ์นี้จนเกิดตัณหา

๔. การดับจิตโดยตัดเหตุปัจจัย

พุทธพจน์ใน ม.อุ. ๑๔/๔๘๖/๓๒๘ (มหาตัณหาสังขยสูตร) ตรัสเปรียบเทียบกรรม-วิญญาณ-ตัณหา-นันทิ กับ “พืชพันธุ์ในนา”:
• กรรม → ผืนนา: สภาพแวดล้อมที่ส่งผล
• วิญญาณ → พืช: สิ่งที่งอกเงยจากกรรม
• ตัณหา → ยางในพืช: ความเหนียวแน่นที่ยึดไว้
• นันทิ/ราคะ → น้ำหล่อเลี้ยงพืช: ความชุ่มชื้นที่หล่อเลี้ยงตัณหา

วิธีดับจิต:
๑. ตัดกรรม (ทำลายผืนนา): ละการสร้างกรรมใหม่
๒. ตัดวิญญาณ (ถอนพืช): ไม่ยึดถืออารมณ์ ๖
๓. ตัดตัณหา (สลายยางพืช): ละความทะยานอยาก
๔. ตัดนันทิ/ราคะ (ระเหยน้ำ): ดับความเพลิดเพลินในกาม

ตัวอย่าง: เมื่อเลิกเสพสื่อล่อตัณหา (ตัดกรรม) → วิญญาณไม่เกิดจากการเห็นรูปสวย (ตัดวิญญาณ) → ไม่ปรารถนาจะเสพซ้ำ (ตัดตัณหา) → จิตหลุดจากวงจร

๕. สรุปสาระสำคัญ

๑. สัตตาเวียนว่าย เพราะอวิชชา → ตัณหา → กรรม
๒. จิต-วิญญาณ เป็นสังขตธรรม ดับได้ด้วยการตัดเหตุ
๓. วิญญาณฐิติ ๔ แสดงการทำงานของจิตที่อาศัยอารมณ์
๔. การดับทุกข์ ต้องทำลายวงจรปฏิจจสมุปบาทที่ต่อเนื่อง

พุทธพจน์ใน สํ.นิทาน. ๑๖/๒๑/๓๐ ทรงสรุปว่า:
“เมื่อเหตุปัจจัยดับ วิญญาณย่อมดับ”
ดังนั้น การรู้แจ้งในไตรลักษณ์ (อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา) จึงเป็นหนทางถอนรากอวิชชาและตัณหาได้โดยตรง 🍃

#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2