T21 on Nostr: พรุ่งนี้กลางวันมีไลฟ์ POW edit Economic in ...
พรุ่งนี้กลางวันมีไลฟ์ POW edit Economic in One Lesson นะครับ
#siamstr
---
Part One: The Lesson
บทที่ 1: บทเรียน
บทนี้ปูพื้นฐานบทเรียนหลักของเศรษฐศาสตร์ ซึ่งก็คือการพิจารณาผลกระทบในระยะยาวของนโยบายต่างๆ ไม่ใช่แค่ผลกระทบเฉพาะหน้าหรือผลกระทบต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น บทเรียนนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองภาพรวม และมองการณ์ไกล รวมถึงการพิจารณาผลกระทบที่อาจจะมองไม่เห็นในทันทีแต่ส่งผลในระยะยาว
Part Two: The Lesson Applied
บทที่ 2: หน้าต่างแตก
บทนี้ยกตัวอย่าง "หน้าต่างแตก" ของ Bastiat เพื่ออธิบายว่าการทำลายทรัพย์สิน ไม่ได้สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ แม้ว่าในแวบแรกอาจดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดงานใหม่ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าทรัพยากรที่ถูกใช้ไปในการซ่อมแซม คือทรัพยากรที่อาจถูกนำไปใช้ในการผลิตสิ่งอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์มากกว่า
บทที่ 3: ผลประโยชน์ของการทำลาย
บทนี้ขยายความจากบทที่ 2 โดยอธิบายว่าความเชื่อที่ว่าสงครามหรือภัยพิบัติจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เป็นความเข้าใจผิด การทำลายล้างไม่ว่าจะเกิดจากอะไร ก็ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ไม่ได้สร้างความมั่งคั่ง
บทที่ 4: งานสาธารณะหมายถึงภาษี
บทนี้ชี้ให้เห็นว่างานสาธารณะต่างๆ แม้จะดูเหมือนว่าจะสร้างงานใหม่ แต่จริงๆ แล้วเป็นการดึงทรัพยากรจากภาคเอกชนมาใช้ เพราะต้องใช้เงินจากภาษีมาสนับสนุน บทเรียนนี้เน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่มีทรัพยากรเป็นของตัวเอง แต่ได้มาจากการเก็บภาษีจากประชาชน
บทที่ 5: ภาษีเป็นอุปสรรคต่อการผลิต
บทนี้อธิบายว่าการเก็บภาษีที่สูงเกินไป เป็นตัวฉุดรั้งการผลิตและการจ้างงานในภาคเอกชน บทเรียนนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างบทบาทของรัฐบาลและภาคเอกชนในระบบเศรษฐกิจ
บทที่ 6: สินเชื่อเบี่ยงเบนการผลิต
บทนี้กล่าวถึงผลเสียของการที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงตลาดสินเชื่อ โดยเฉพาะการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการแทรกแซงดังกล่าว ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
บทที่ 7: คำสาปของเครื่องจักร
บทนี้หักล้างความเชื่อที่ว่าเครื่องจักรกลทำให้เกิดการว่างงาน บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ ในระยะยาว ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และทำให้มาตรฐานการครองชีพดีขึ้น
บทที่ 8: แผนการกระจายงาน
บทนี้วิเคราะห์แผนการต่างๆ ที่มุ่งลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ เพื่อกระจายงานให้คนมากขึ้น บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่า แผนการเหล่านี้ ไม่ได้ช่วยเพิ่มการจ้างงานในภาพรวม และอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้วย
บทที่ 9: การปลดประจำการทหารและข้าราชการ
บทนี้ชี้ให้เห็นว่าการปลดประจำการทหารและข้าราชการที่ไม่จำเป็น ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจถดถอย ตรงกันข้าม การปลดประจำการ จะทำให้บุคลากรเหล่านี้กลับเข้าสู่ภาคการผลิต และทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น
บทที่ 10: การบูชาการจ้างงานเต็มที่
บทนี้เน้นย้ำว่าเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่แท้จริง คือการเพิ่มผลผลิตให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่การจ้างงานเต็มที่ การมุ่งเน้นแต่การจ้างงานเต็มที่ อาจนำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
บทที่ 11: ใคร "ได้รับการคุ้มครอง" จากภาษีศุลกากร?
บทนี้วิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากร และชี้ให้เห็นว่าภาษีศุลกากรไม่ได้ช่วยปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่กลับเป็นการทำร้ายผู้บริโภค และทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง
บทที่ 12: แรงผลักดันการส่งออก
บทนี้อธิบายว่าการมุ่งเน้นแต่การส่งออกโดยไม่คำนึงถึงการนำเข้า เป็นความเข้าใจผิด บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการค้าระหว่างประเทศ ในระยะยาว จะต้องมีความสมดุลระหว่างการส่งออกและการนำเข้า
บทที่ 13: ราคา "พาริตี้"
บทนี้วิเคราะห์แนวคิด "ราคาพาริตี้" สำหรับสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นความพยายามที่จะตรึงราคาสินค้าเกษตรให้สัมพันธ์กับราคาสินค้าอุตสาหกรรมในอดีต บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่าราคาพาริตี้ เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด และเป็นการทำร้ายผู้บริโภค
บทที่ 14: การช่วยเหลืออุตสาหกรรม X
บทนี้กล่าวถึงผลเสียของการที่รัฐบาลพยายามช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่กำลังจะล้มเหลว บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการแทรกแซงดังกล่าว เป็นการขัดขวางกระบวนการปรับตัวของตลาด และทำให้ทรัพยากรถูกใช้ไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
บทที่ 15: ระบบราคาทำงานอย่างไร
บทนี้อธิบายกลไกการทำงานของระบบราคา และชี้ให้เห็นว่าระบบราคา แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า "โหดร้าย" แต่เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดสรรทรัพยากร และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
บทที่ 16: "การรักษาเสถียรภาพ" ของสินค้าโภคภัณฑ์
บทนี้วิเคราะห์ผลเสียของการที่รัฐบาลพยายามควบคุมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการแทรกแซงดังกล่าว มักจะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลน และความผันผวนของราคาในระยะยาว
บทที่ 17: การกำหนดราคาโดยรัฐบาล
บทนี้ขยายความจากบทที่ 16 โดยเน้นไปที่ผลเสียของการที่รัฐบาลกำหนดราคาสินค้า บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่าการกำหนดราคามักจะทำให้เกิดการขาดแคลน ตลาดมืด และการบิดเบือนกลไกตลาด
บทที่ 18: กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ
บทนี้วิเคราะห์ผลกระทบของกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ และชี้ให้เห็นว่ากฎหมายดังกล่าว แม้จะมีเจตนาดี แต่มักจะส่งผลให้เกิดการว่างงาน โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือ
บทที่ 19: สหภาพแรงงานขึ้นค่าจ้างจริงหรือ?
บทนี้วิเคราะห์บทบาทของสหภาพแรงงาน และตั้งคำถามว่าสหภาพแรงงานมีอำนาจในการขึ้นค่าจ้างจริงหรือไม่ บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่าสหภาพแรงงาน อาจช่วยให้สมาชิกได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม แต่การใช้กำลังบีบบังคับ อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
บทที่ 20: "เพียงพอที่จะซื้อสินค้าที่ผลิตได้กลับคืน"
บทนี้หักล้างความเชื่อที่ว่าการขึ้นค่าจ้าง จะทำให้แรงงานมีกำลังซื้อมากขึ้น และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการขึ้นค่าจ้าง หากไม่สอดคล้องกับผลิตภาพ จะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และอาจทำให้เศรษฐกิจถดถอย
บทที่ 21: หน้าที่ของกำไร
บทนี้อธิบายถึงความสำคัญของกำไร ในระบบเศรษฐกิจ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่ากำไร เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การสร้างนวัตกรรม และการจ้างงาน
บทที่ 22: ภาพลวงตาของเงินเฟ้อ
บทนี้วิเคราะห์ผลกระทบของเงินเฟ้อ และชี้ให้เห็นว่าเงินเฟ้อ แม้จะดูเหมือนว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาว จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความไม่แน่นอน และบั่นทอนกำลังซื้อของประชาชน
บทที่ 23: การโจมตีการออม
บทนี้หักล้างความเชื่อที่ว่าการออมเป็นสิ่งที่ไม่ดี บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการออม เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลงทุน และการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
Part Three: The Lesson Restated
บทที่ 24: บทเรียนอีกครั้ง
บทนี้เป็นการสรุปบทเรียนหลักของหนังสือ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองภาพรวม การมองการณ์ไกล และการพิจารณาผลกระทบในระยะยาวของนโยบายต่างๆ รวมถึงการระลึกถึง "คนที่ถูกลืม" ซึ่งมักจะได้รับผลกระทบจากนโยบายต่างๆ โดยที่ไม่ได้รับการเหลียวแล
#siamstr
---
Part One: The Lesson
บทที่ 1: บทเรียน
บทนี้ปูพื้นฐานบทเรียนหลักของเศรษฐศาสตร์ ซึ่งก็คือการพิจารณาผลกระทบในระยะยาวของนโยบายต่างๆ ไม่ใช่แค่ผลกระทบเฉพาะหน้าหรือผลกระทบต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น บทเรียนนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองภาพรวม และมองการณ์ไกล รวมถึงการพิจารณาผลกระทบที่อาจจะมองไม่เห็นในทันทีแต่ส่งผลในระยะยาว
Part Two: The Lesson Applied
บทที่ 2: หน้าต่างแตก
บทนี้ยกตัวอย่าง "หน้าต่างแตก" ของ Bastiat เพื่ออธิบายว่าการทำลายทรัพย์สิน ไม่ได้สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ แม้ว่าในแวบแรกอาจดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดงานใหม่ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าทรัพยากรที่ถูกใช้ไปในการซ่อมแซม คือทรัพยากรที่อาจถูกนำไปใช้ในการผลิตสิ่งอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์มากกว่า
บทที่ 3: ผลประโยชน์ของการทำลาย
บทนี้ขยายความจากบทที่ 2 โดยอธิบายว่าความเชื่อที่ว่าสงครามหรือภัยพิบัติจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เป็นความเข้าใจผิด การทำลายล้างไม่ว่าจะเกิดจากอะไร ก็ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ไม่ได้สร้างความมั่งคั่ง
บทที่ 4: งานสาธารณะหมายถึงภาษี
บทนี้ชี้ให้เห็นว่างานสาธารณะต่างๆ แม้จะดูเหมือนว่าจะสร้างงานใหม่ แต่จริงๆ แล้วเป็นการดึงทรัพยากรจากภาคเอกชนมาใช้ เพราะต้องใช้เงินจากภาษีมาสนับสนุน บทเรียนนี้เน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่มีทรัพยากรเป็นของตัวเอง แต่ได้มาจากการเก็บภาษีจากประชาชน
บทที่ 5: ภาษีเป็นอุปสรรคต่อการผลิต
บทนี้อธิบายว่าการเก็บภาษีที่สูงเกินไป เป็นตัวฉุดรั้งการผลิตและการจ้างงานในภาคเอกชน บทเรียนนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างบทบาทของรัฐบาลและภาคเอกชนในระบบเศรษฐกิจ
บทที่ 6: สินเชื่อเบี่ยงเบนการผลิต
บทนี้กล่าวถึงผลเสียของการที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงตลาดสินเชื่อ โดยเฉพาะการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการแทรกแซงดังกล่าว ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
บทที่ 7: คำสาปของเครื่องจักร
บทนี้หักล้างความเชื่อที่ว่าเครื่องจักรกลทำให้เกิดการว่างงาน บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ ในระยะยาว ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และทำให้มาตรฐานการครองชีพดีขึ้น
บทที่ 8: แผนการกระจายงาน
บทนี้วิเคราะห์แผนการต่างๆ ที่มุ่งลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ เพื่อกระจายงานให้คนมากขึ้น บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่า แผนการเหล่านี้ ไม่ได้ช่วยเพิ่มการจ้างงานในภาพรวม และอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้วย
บทที่ 9: การปลดประจำการทหารและข้าราชการ
บทนี้ชี้ให้เห็นว่าการปลดประจำการทหารและข้าราชการที่ไม่จำเป็น ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจถดถอย ตรงกันข้าม การปลดประจำการ จะทำให้บุคลากรเหล่านี้กลับเข้าสู่ภาคการผลิต และทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น
บทที่ 10: การบูชาการจ้างงานเต็มที่
บทนี้เน้นย้ำว่าเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่แท้จริง คือการเพิ่มผลผลิตให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่การจ้างงานเต็มที่ การมุ่งเน้นแต่การจ้างงานเต็มที่ อาจนำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
บทที่ 11: ใคร "ได้รับการคุ้มครอง" จากภาษีศุลกากร?
บทนี้วิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากร และชี้ให้เห็นว่าภาษีศุลกากรไม่ได้ช่วยปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่กลับเป็นการทำร้ายผู้บริโภค และทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง
บทที่ 12: แรงผลักดันการส่งออก
บทนี้อธิบายว่าการมุ่งเน้นแต่การส่งออกโดยไม่คำนึงถึงการนำเข้า เป็นความเข้าใจผิด บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการค้าระหว่างประเทศ ในระยะยาว จะต้องมีความสมดุลระหว่างการส่งออกและการนำเข้า
บทที่ 13: ราคา "พาริตี้"
บทนี้วิเคราะห์แนวคิด "ราคาพาริตี้" สำหรับสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นความพยายามที่จะตรึงราคาสินค้าเกษตรให้สัมพันธ์กับราคาสินค้าอุตสาหกรรมในอดีต บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่าราคาพาริตี้ เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด และเป็นการทำร้ายผู้บริโภค
บทที่ 14: การช่วยเหลืออุตสาหกรรม X
บทนี้กล่าวถึงผลเสียของการที่รัฐบาลพยายามช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่กำลังจะล้มเหลว บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการแทรกแซงดังกล่าว เป็นการขัดขวางกระบวนการปรับตัวของตลาด และทำให้ทรัพยากรถูกใช้ไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
บทที่ 15: ระบบราคาทำงานอย่างไร
บทนี้อธิบายกลไกการทำงานของระบบราคา และชี้ให้เห็นว่าระบบราคา แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า "โหดร้าย" แต่เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดสรรทรัพยากร และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
บทที่ 16: "การรักษาเสถียรภาพ" ของสินค้าโภคภัณฑ์
บทนี้วิเคราะห์ผลเสียของการที่รัฐบาลพยายามควบคุมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการแทรกแซงดังกล่าว มักจะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลน และความผันผวนของราคาในระยะยาว
บทที่ 17: การกำหนดราคาโดยรัฐบาล
บทนี้ขยายความจากบทที่ 16 โดยเน้นไปที่ผลเสียของการที่รัฐบาลกำหนดราคาสินค้า บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่าการกำหนดราคามักจะทำให้เกิดการขาดแคลน ตลาดมืด และการบิดเบือนกลไกตลาด
บทที่ 18: กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ
บทนี้วิเคราะห์ผลกระทบของกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ และชี้ให้เห็นว่ากฎหมายดังกล่าว แม้จะมีเจตนาดี แต่มักจะส่งผลให้เกิดการว่างงาน โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือ
บทที่ 19: สหภาพแรงงานขึ้นค่าจ้างจริงหรือ?
บทนี้วิเคราะห์บทบาทของสหภาพแรงงาน และตั้งคำถามว่าสหภาพแรงงานมีอำนาจในการขึ้นค่าจ้างจริงหรือไม่ บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่าสหภาพแรงงาน อาจช่วยให้สมาชิกได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม แต่การใช้กำลังบีบบังคับ อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
บทที่ 20: "เพียงพอที่จะซื้อสินค้าที่ผลิตได้กลับคืน"
บทนี้หักล้างความเชื่อที่ว่าการขึ้นค่าจ้าง จะทำให้แรงงานมีกำลังซื้อมากขึ้น และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการขึ้นค่าจ้าง หากไม่สอดคล้องกับผลิตภาพ จะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และอาจทำให้เศรษฐกิจถดถอย
บทที่ 21: หน้าที่ของกำไร
บทนี้อธิบายถึงความสำคัญของกำไร ในระบบเศรษฐกิจ บทเรียนนี้เน้นย้ำว่ากำไร เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การสร้างนวัตกรรม และการจ้างงาน
บทที่ 22: ภาพลวงตาของเงินเฟ้อ
บทนี้วิเคราะห์ผลกระทบของเงินเฟ้อ และชี้ให้เห็นว่าเงินเฟ้อ แม้จะดูเหมือนว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาว จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความไม่แน่นอน และบั่นทอนกำลังซื้อของประชาชน
บทที่ 23: การโจมตีการออม
บทนี้หักล้างความเชื่อที่ว่าการออมเป็นสิ่งที่ไม่ดี บทเรียนนี้เน้นย้ำว่าการออม เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลงทุน และการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
Part Three: The Lesson Restated
บทที่ 24: บทเรียนอีกครั้ง
บทนี้เป็นการสรุปบทเรียนหลักของหนังสือ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองภาพรวม การมองการณ์ไกล และการพิจารณาผลกระทบในระยะยาวของนโยบายต่างๆ รวมถึงการระลึกถึง "คนที่ถูกลืม" ซึ่งมักจะได้รับผลกระทบจากนโยบายต่างๆ โดยที่ไม่ได้รับการเหลียวแล