What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-02-10 02:34:05

maiakee on Nostr: ...



ธัมมัง ปรมัง สุขัง: ธรรมเป็นสุขอย่างยิ่ง


“ธัมมัง ปรมัง สุขัง” (ธรรมนั้นเป็นสุขอย่างยิ่ง) เป็นพุทธพจน์ที่แสดงถึงคุณค่าของธรรมะว่าเป็นสิ่งที่ให้ความสุขสูงสุด แท้จริง และยั่งยืน ไม่เหมือนสุขทางโลกที่เป็นเพียงความสุขชั่วคราว ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้หลายครั้งว่า สุขทางโลกที่เกิดจากกามคุณ (สิ่งที่น่าพอใจทางตา หู จมูก ลิ้น กาย) เป็นสุขที่ไม่จีรังยั่งยืน ตรงกันข้าม ธรรมะนำไปสู่ความสงบภายในและความหลุดพ้นจากทุกข์ ซึ่งเป็นสุขอันสูงสุด

เนื้อหาโดยละเอียด

1. สุขทางโลก vs. สุขทางธรรม

พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงความแตกต่างระหว่างสุขทางโลก (สามิสสุข) กับสุขทางธรรม (นิรามิสสุข) ใน อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ว่า

“ภิกษุทั้งหลาย สุข 2 ประเภทนี้คือ สามิสสุข (สุขที่อิงอยู่กับวัตถุหรือกาม) และนิรามิสสุข (สุขที่พ้นจากวัตถุ ไม่ขึ้นอยู่กับกาม) แต่ในสุขทั้งสอง นิรามิสสุขเป็นสุขที่เลิศกว่า”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 22 ข้อ 58)

สุขทางโลก เช่น ความสุขจากทรัพย์สิน เงินทอง อาหารอร่อย หรือความรัก แม้ให้ความพึงพอใจ แต่ล้วนเป็นของชั่วคราวและนำมาซึ่งทุกข์เมื่อสูญเสียไป ในขณะที่สุขจากธรรมะ เช่น ความสงบจากสมาธิ ปัญญา และการหลุดพ้นจากกิเลส เป็นสุขที่มั่นคง ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก

2. สุขจากการปฏิบัติตามธรรม

พระพุทธเจ้าตรัสว่า สุขอันสูงสุดเกิดจากการดำรงชีวิตตามหลักธรรมะ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งเป็นหนทางไปสู่ความหลุดพ้น

ศีล (ศีลสุขา)
การรักษาศีลทำให้เกิดความสงบจากความเดือดร้อนใจ พระพุทธเจ้าตรัสใน วิมุตติสุขสูตร ว่า

“ภิกษุทั้งหลาย บุคคลมีศีลย่อมมีความสุข เพราะไม่ต้องหวาดกลัวต่อโทษภัย ไม่ต้องเดือดร้อนใจ และมีใจสงบ””
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 20 ข้อ 43)

สมาธิ (สมาธิสุขา)
สุขจากสมาธิเกิดจากจิตที่ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวตามกิเลสและอารมณ์ต่างๆ พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“ภิกษุทั้งหลาย สมาธินั้นนำมาซึ่งความสุขยิ่งกว่ากามสุข เพราะเป็นสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาวัตถุภายนอก”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 34 ข้อ 12)

ปัญญา (ปัญญาสุขา)
สุขที่สูงสุดคือสุขจากปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริง พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“บุคคลใดเห็นอริยสัจทั้งสี่ ผู้นั้นย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง และได้รับสุขอันประเสริฐ”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 10 ข้อ 27 - ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)

สุขจากปัญญาเกิดจากการเข้าใจว่า สรรพสิ่งไม่เที่ยง (อนิจจัง) เป็นทุกข์ (ทุกขัง) และไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา) เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่น จึงพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

3. นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

สุขที่เลิศที่สุด คือ สุขจากนิพพาน ซึ่งเป็นสุขที่พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง พระพุทธเจ้าตรัสใน อุทานสูตร ว่า

“นิพพานัง ปรมัง สุขัง — นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 25 ข้อ 75 - อุทาน 8.3)

นิพพานเป็นภาวะที่ดับกิเลส ดับตัณหา และดับทุกข์ทั้งปวง เป็นสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาวัตถุ ไม่ต้องพึ่งพาร่างกาย หรืออารมณ์ใดๆ เป็นสุขที่ไม่มีการเกิดดับ

การนำไปปฏิบัติ

เพื่อให้เข้าถึง “ธัมมัง ปรมัง สุขัง” หรือสุขที่แท้จริงจากธรรมะ เราสามารถปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้าได้ดังนี้
1. รักษาศีล – งดเว้นจากการทำชั่วทางกาย วาจา ใจ เพื่อสร้างความสงบภายใน
2. เจริญสมาธิ – ฝึกจิตให้แน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยการเจริญสติภาวนา
3. พิจารณาธรรม – ศึกษาไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ให้เห็นสัจธรรมของชีวิต
4. ละวางความยึดมั่น – ฝึกปล่อยวาง ไม่หลงติดในสุขชั่วคราวของโลก
5. แสวงหาความสงบแท้จริง – ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ที่ความหลุดพ้น มากกว่าการสะสมวัตถุภายนอก

สรุป

“ธัมมัง ปรมัง สุขัง” เป็นพุทธพจน์ที่ยืนยันว่า ธรรมะให้ความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน ในขณะที่สุขทางโลกเป็นเพียงสุขชั่วคราว ผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมะ โดยรักษาศีล เจริญสมาธิ และใช้ปัญญาเห็นแจ้ง จะพบกับความสงบที่เหนือกว่าสุขทางโลก และหากเข้าถึงนิพพาน ย่อมพบสุขอันสูงสุดที่ไม่มีทุกข์อีกต่อไป

“ธรรมะนำทางชีวิตให้พ้นทุกข์ และนำสู่สุขที่แท้จริง”


🪷สุขจากธรรมะในมิติที่ลึกซึ้งขึ้น

เมื่อกล่าวว่า “ธัมมัง ปรมัง สุขัง” หรือ ธรรมเป็นสุขอย่างยิ่ง นั้น เราอาจมองในแง่มุมลึกซึ้งขึ้น ว่าธรรมะให้ความสุขในระดับที่ละเอียดขึ้นอย่างไร และทำไมจึงถือเป็นสุขที่ประเสริฐที่สุด

1. ความสุขจากการละกิเลส

ในโลกนี้ สุขส่วนใหญ่เกิดจากการเสพสิ่งต่างๆ แต่พระพุทธเจ้าได้ชี้ให้เห็นว่า สุขที่แท้จริงมาจากการละ ไม่ใช่จากการเสพ ใน อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต พระองค์ตรัสว่า

“การสละคืนย่อมมีสุข การสะสมย่อมมีทุกข์ ผู้ไม่ยึดถือเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งความสุข”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 22 ข้อ 60)

หมายความว่า ความสุขจากการปล่อยวางและลดละกิเลส เป็นสุขที่แท้จริง เช่น คนที่หลุดพ้นจากความโลภ ย่อมไม่กังวลเรื่องทรัพย์สิน คนที่หลุดพ้นจากความโกรธ ย่อมไม่ต้องทนทุกข์กับไฟแห่งอารมณ์ คนที่ปล่อยวางความหลง ย่อมไม่ต้องเวียนว่ายอยู่ในความไม่รู้

2. สุขจากการมีจิตที่เป็นอิสระ

ธรรมะไม่ได้ให้แค่ความสงบชั่วคราวจากสมาธิ แต่ทำให้จิตมีอิสรภาพจากความทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสใน สังยุตตนิกาย นิพพานสังยุต ว่า

“ภิกษุทั้งหลาย สุขจากการไม่มีอุปาทาน ย่อมประเสริฐกว่าความสุขทั้งปวง”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 36 ข้อ 19)

สุขจากการไม่มีอุปาทาน (การยึดมั่นถือมั่น) หมายถึง เมื่อเราไม่ยึดติดในตัวตน ไม่หลงอยู่กับความคิดปรุงแต่ง ไม่แบกภาระทางใจ ย่อมพบกับความเบาสบายและอิสรภาพที่แท้จริง

3. สุขที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก

พระพุทธเจ้าตรัสว่า สุขที่แท้จริงต้องเป็นสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาวัตถุหรือเงื่อนไขภายนอก ใน อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต พระองค์ตรัสว่า

“สุขของผู้มีปัญญา ย่อมเกิดจากภายใน ไม่ต้องพึ่งพาภายนอก จึงไม่ถูกกระทบด้วยโลกธรรม”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 23 ข้อ 45)

คนทั่วไปมีความสุขเมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการ แต่ทุกข์เมื่อไม่ได้ หรือเมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป แต่สุขที่แท้จริงเกิดจากความพอใจในสิ่งที่เป็น ไม่ขึ้นอยู่กับการครอบครองหรือสูญเสีย

4. สุขจากการดับสนิทแห่งกิเลส

สุขสูงสุดที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึง คือ สุขจากการดับกิเลสโดยสิ้นเชิง หรือ นิพพานสุข ซึ่งไม่ใช่เพียงการไม่มีทุกข์ แต่เป็นภาวะที่เหนือสุขและทุกข์ไปเลย

“ภิกษุทั้งหลาย นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะเป็นการดับโดยสนิทแห่งราคะ โทสะ และโมหะ”
— (พระไตรปิฎก เล่มที่ 25 ข้อ 75 - อุทาน 8.3)

ผู้ที่ถึงนิพพาน ไม่ใช่แค่ไม่มีทุกข์ แต่ไม่มีแม้แต่ความดิ้นรนใดๆ ทั้งสิ้น เป็นความสงบลึกซึ้งเกินกว่าที่จะเปรียบกับสุขใดๆ ในโลก

การปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสุขที่แท้จริง

เพื่อให้เข้าถึง “ธัมมัง ปรมัง สุขัง” ในชีวิตจริง เราสามารถปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้าได้ดังนี้
1. ลดความยึดติดในกามสุข – ฝึกมองเห็นว่าสุขจากกามคุณเป็นของชั่วคราวและแฝงด้วยทุกข์
2. เจริญสติและสมาธิ – ฝึกจิตให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวตามอารมณ์หรือสถานการณ์ภายนอก
3. พิจารณาไตรลักษณ์ – เห็นความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ทุกข์ (ทุกขัง) และความไม่มีตัวตน (อนัตตา) ของสรรพสิ่ง
4. ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น – ฝึกปล่อยวาง ไม่แบกสิ่งที่ทำให้ใจเป็นทุกข์
5. มุ่งสู่นิพพาน – ตั้งเป้าหมายไว้ที่การพ้นทุกข์ มากกว่าความสุขชั่วคราวของโลก

สรุป

“ธัมมัง ปรมัง สุขัง” ไม่ใช่เพียงคำสอนเกี่ยวกับความสุขจากธรรมะ แต่เป็นแนวทางสู่สุขที่แท้จริง ที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก และไม่ถูกกระทบด้วยโลกธรรม สุขที่เกิดจากการละวางกิเลส เป็นสุขที่มั่นคงและสูงสุดเหนือสุขอื่นใด

“แท้จริงแล้ว สุขที่สูงสุด ไม่ใช่สุขจากการได้ แต่เป็นสุขจากการปล่อยวาง”

#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #ธรรมะ #nostr
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2