What is Nostr?
Tung Khempila / Tungkukk
npub1e8e…9tp3
2024-12-29 13:50:41

Tung Khempila on Nostr: เชี่ย สรุปดีกว่ากูอีก 5555 #siamstr ...

เชี่ย สรุปดีกว่ากูอีก 5555

#siamstr
คุณตั๋ง Tung Khempila (npub1e8e…9tp3) ซื้อ 12 กฎให้ผมอ่านฟรี ๆ พอผมอ่านภึงกฎที่ 2 ทำให้ผมต้องรีบเขียนโพสต์ลง Nostr

ผมไม่รู้ว่าพูดถูกแค่ไหน ผมพูดตามความเข้าใจ และอาจเรียบเรียงได้ไม่ดี เพราะตื่นเต้น

กฎข้อ 2 เปิดมากับคำถามที่ชวนคิด
เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมเวลาสัตว์เลี้ยงเราป่วย เราจึงคอยดูแลมันดีจัง หรือลองมองย้อนเวลาที่เราป่วย พ่อแม่จึงคอยดูแลเราอย่างดี

มันไม่ใช่แค่ความเป็นห่วงใยหรือกลัวภาวะแทรกซ้อนจากการป่วยที่อาจทำให้ถึงตาย แต่เรื่องนี้ได้ถูกอธิบายไว้อย่างลับ ๆ ในไบเบิล บทว่าด้วยปฐมกาล

ในตอนแรกพระเจ้าได้สร้างอดัมและเอวาขึ้นมาในสภาพที่เปลือยเปล่า จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่เราได้รู้กันคือ พระเจ้าได้สั่งห้ามกินแอปเปิ้ลในสวนเอเดน
-- และเอวา ก็ได้โดนซาตานในร่างงูหลอกล่อให้ทานผลแอปเปิ้ลผลนั้น ---

ที่เอวาทำ ไม่ใช่แค่ผิดกฎที่พระเจ้าได้ตั้งขึ้น แต่เพราะแอปเปิ้ลนั้นเอง เป็นแอปเปิ้ลแถมสกิลพิเศษ สกิลที่ว่าคือได้ทำให้มนุษย์ได้เห็น ---ความดีความชั่ว--- เกิดขึ้นในสายตามนุษย์เป็นครั้งแรก เพราะสิ่งแรกหลังจากที่ทานแอปเปิ้ลไป อดัมและเอวาได้หยิบผ้าเตี่ยวขึ้นมาปิดบังร่างกายที่มิดชิดของตัวเอง ---การละอายต่อร่างกายตัวเองที่เปลือยเปล่า คือการยืนยันว่ามนุษย์ได้รับรู้ความดีความชั่ว ( เพราะการเปลือยคือสิ่งชั่วที่น่าละอาย )

แต่ต้องเน้นย้ำว่า มนุษย์ได้รับรู้ความดีความชั่ว *****ในตัวเอง****อย่างชัดเจน**** มากกว่ารับรู้ความดีชั่วจองคนอื่น ****--- แต่ก็จะมีจุดร่วมอยู่บ้าง หนังสือยกตัวอย่างดังนี้ สังเกตได้จากการทำโทษในสังคมเพื่อนเน้นให้เกิดความรู้สึกละอาย หรือแม้แต่โทษประหาร ที่อุตส่าสรรสร้างเครื่องนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าเพื่อความทรมานอย่างสาสม --- เวลาสัตว์อื่นในโลกนี้ต้องแข่งขันกัน อย่างมากคือการสู้กันจนถึงตาย ไม่มีเวลามานั่งคิดอย่างโรคจิตว่าจะต้องทรมานอย่างไรให้หนักหนาที่สุด --- มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ทำแบบนี้ สาเหตุอย่างที่ย้ำๆ ไว้ คือมนุษย์ได้รับสกิล***การรับรู้ความดีชั่ว*** จากแอปเปิ้ลลูกนั้น

กลับมาที่คำถามของเรา ทำไมถึงดูแลคนอื่นดีกว่าตัวเอง เพราะมนุษย์ที่***รับรู้ความดีชั่ว**** ---เราจะรู้ความดีชั่วของใครได้ดีที่สุด ? ก็แน่นอนว่าเราจะรู้ความดีชั่วของ/ตัวเอง/ ******มันทำให้เรามองตัวเองต่ำไปโดยปริยาย***** --->ส่งผลให้เรามีความคิดที่ลงโทษตัวเองโดยไม่รู้ตัว ว่า **เราไม่ควรได้รับสิ่งดีๆ* --- ความคิดนี้เป็นดังกำแพงที่ตั้งขวางการกระทำของตัวเราไว้ ** จนทำให้เราไม่ขวนขวายที่จะดูแลชีวิตของตัวเองมากพอ !!!!!!!-----

นอกจากนี้ ยังมีผลจาก //ค่านิยมที่ต้องทำประโยชน์ส่วนรวม// และการเข้าใจผิดในคำสอนสุดดังในศาสนาคริสต์ ว่าด้วย "" Golden Rule " ประโยคที่ใครๆต่างก็รู้จัก ที่ว่า " จงรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนกับที่ท่านดูแลท่านเอง " ---- ประโยคที่โด่งดังนี้ ไม่ได้ผิดเลย แต่คนส่วนใหญ่มักจะ **รักแค่เพื่อนบ้านของท่าน** --- ***จนลืมที่จะดูแลตัวท่านเอง !!!** ( หนังสือบอกว่าแนวคิดนี้ค่อนข้างหยั่งรากลึกในยุโรป )

ดังนั้นวัตถุประสงค์ของ กฎ ข้อ 2 ในหนังสือเล่มนี้ คือการหักเหความรับรู้ในความดีความชั่วของคนเรา ที่ตอนนี้มันเอียงไปที่การมองต่ำตัวเองว่าชั่วเกินที่จะได้รับสิ่งดี ๆ ----> กลายมาเป็นการมองว่าเรามีความดีในตัวของเราเอง และเราก็สมควรได้รับสิ่งดี ๆ ---- โดยเริ่มจากการกระทำดีและเป็นประโยชน์ที่เราสามารถทำได้***กับตัวเราเองก่อน*** ---- เมื่อเราทำทำดีกับตัวเราเองได้มากพอแล้ว มันไม่ใช่แค่ว่าเราแค่ส่งต่อความดีให้กับคนอื่นในสังคม ***แต่มันยังเป็นการตอกย้ำความรู้สึกผิดบาปลึกๆที่ส่งทอดต่อกันมาตั้งแต่มนุษย์คู่แรกบนโลก ความรู้สึกผิดบาปที่เราได้มองกดตัวเราเองไว้ เราได้นำมันออกมา นำความเจ็บความชั่วที่เราละอายต่อบาป จากการที่เรามองกดตัวเองมาโดยตลอด แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ทั้งตัวเรา และสังคม ---นั่นแหละการรับรู้ความชั่ว มีประโยชน์ตรงนี้ พระเจ้าสร้างมาเพื่อให้มนุษย์รับรู้ว่าจะนำความรู้สึกละอายที่เกิดขึ้น หันขาตัวเองไปทางไหน ? --

เมื่อนั้นเอง ความหมายในการดำรงอยู่ของคุณ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น แค่เราเริ่มทำดีกับตัวเอง ;)
Author Public Key
npub1e8e3qv6y60aktjafqe97dltk96rfjwuevnyul0kwemwcg8mz6u0qal9tp3