itssara on Nostr: ## เศรษฐกิจไทยตกต่ำ ...
## เศรษฐกิจไทยตกต่ำ เพราะพวกเรายังไม่เห็นแก่ตัวมากพอ.. ##
ประโยคดังกล่าว เป็นการสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่ผมได้พบเจอบนแพลตฟอร์ม Mian stream ทั้งท่อแดง ท่อฟ้า เอาไว้ทั้งหมด ทำไมล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น?
"ประเทศไทยเศรษฐกิจตกต่ำ" "ประเทศล้าหลัง" "คนอื่นเค้าไปถึงไหนกันแล้ว" นี่คือคำบ่นกร่นด่าของชาวไทยมรตลอดหลายปีถึงการดูถูกเหยียดหยามประเทศตัวเองซึ่งใช่ครับ มันเป็นความจริงในหลายๆแง่มุม รวมทั้งสาเหตุของปัญหาที่ชาวบิตคอยน์เนอร์ทราบกันดี นั่นคือการแทรกแซงของรัฐ และระบบทุนนิยมอุปถัมภ์ซึ่งเหล่านายทุนเข้าหาอำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของตน แต่สำหรับใครหลายคนตามแพลตฟอร์มสื่อกระแสหลักนั้น พวกเขาไม่ได้เข้าใจแบบนั้น
"ถ้าการเมืองดี..." "รัฐต้องช่วย..." รัฐต้องดูแล..." รัฐต้องสนับสนุน" "รัฐต้อง..." "รัฐต้อง..." "รัฐ...รัฐ" ทำไมการแก้ปัญหาสุดท้าย กลายเป็นทุกคนงอมืองอเท้าอ้าปากบอกให้ "รัฐ" เข้ามาแก้ไขในทุกปัญหาที่เกิดขึ้นได้ล่ะ? ทำไมความอยู่รอดของเขาเหล่านั้น ครอบครัว ธุรกิจ บริษัทของพวกเขาหลายล้านคน ถึงขึ้นอยู่กับปากและปากกาของคนไม่กี่พันคนนั้นหล่ะ โลกนี้มันผิดเพี้ยนมากแค่ไหน ถึงทำให้คนๆหนึ่ง สามารถไว้ใจผู้อื่นได้มากกว่าตนเองกัน
## Fiat = บัญชา อาญาสิทธิ์ ##
เมื่อเรามองย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของมันจะพบว่า นี่เป็นระยะเวลากว่า 110 ปีมาแล้ว ที่มนุษย์เราเริ่มการทดลองครั้งยิ่งใหญ่ระดับมนุษยชาติ โดยการทดลองประดิษฐ์ "นโยบายการเงิน" โดยมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศตั้งองค์กร "Fed" ซึ่งเป็นธนาคารกลางสหรัฐซึ่งทำหน้าที่เป็น "แหล่งทุนกู้ยืมแหล่งสุดท้าย(Lender of last resort)" ให้กับบรรดาธนาคารพานิชย์ในสหรัฐฯ
ใช่ครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มนุษย์ทดลองสร้าง "เงินเฟียต" ขึ้นมา ตั้งแต่เงินกระดาษของจีน เหรียญลีร่า เหรียญกิลเดอร์ ตั๋วแลกทอง พดด้วง และอีกมากมายทั่วโลก แต่การทดลองนี้มันจะพิเศษกว่าครั้งไหนๆ ด้วยการมาของ "เคนส์" และแนวคิดแบบ "เคนส์เซี่ยน"
การมาถึงของเคนส์ได้สั่นสะเทือนแนวคิดทางเศรษฐกิจ ทฤษฎีของเขาคือ "ขงเบ้ง" ที่รัฐตามหา อาศัยวิกฤตปี 1929 ซึ่งซึ่งแท้จริงแล้วเกิดจากการ Leverage สร้างเงินในรูปแบบของหนี้ขึ้นมาจากอากาศในช่วง 1920 หรือที่เรียกว่า The Roaring 20s วิกฤต The Great Depression กลายเป็นผู้ร้าย และรัฐบาลในสมัยถัดมาอย่าง Franklin D. Roosevelt และนโยบายของเขา "New Deal" กลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาวในสายตาคนอเมริกัน
หลังจากนั้น 10กว่าปี ในปี 1944 โลกก็ได้พบกับมาตรฐานทางการเงินใหม่ ซึ่งก็คือระบบ "Dollar Standard" เมื่อกว่า 44 ประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร มารวมตัวเพื่อหารือกัน อีกทั้งในที่ประชุมแห่งนี้เองก็ได้ให้กำเนิดขุนพลพยัคฆ์อย่าง IMF และ IBRD ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารโลกในเวลาต่อมา
Dollar Standard กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก ณ เวลานั้น แต่นั้นก็เพราะเขาให้สัญญาว่าจะสามารถแลกคืนดอลล่าร์เหล่านี้เป็น "ทองคำ" ได้ ถึงแม้ผู้คนภายในประเทศจะถูกริบ และห้ามครอบครองทองคำมาแล้วกว่า 10 ปีนับแต่การออก Executive Order 6102 ของประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt มาจนถึงช่วงข้อตกลง Bretton Wood ในปี 1944
ถึงอย่างนั้น Dollar เองก็ได้พัฒนาไปอีกขั้น ไปสู่จุดซึ่งไม่มีมนุษย์ผู้ใดเคยไปถึง นวัตกรรมใหม่แกะกล่องที่ยังไม่เคยมีใครได้ลิ้มลองคือการสกุลเงินซึ่ง "ไม่มีสิ่งใดแบ็คหลัง" หรือเป็น "อากาศธาตุ" เมื่อประธานาธิบดี Richard Nixon ประกาศ Nixon's Shock ยกเลิกการรับแลกดอลล่าร์เป็นทองคำ และปล่อยค่าเงินของแต่ละประเทศลอยตัว แลกเปลี่ยนกันอย่าง "เสรี" ภายใต้การควบคุมของธนาคารกลางแต่ละประเทศ
จนถึงตอนนี้นับเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ที่การทดลองขั้นสุดท้ายได้ถูกปล่อยสู่มนุษยชาติ และมันก็เป็นระยะเวลากว่า 50ปีเช่นกัน ที่เราได้ให้ความเชื่อใจทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าเรียนลูก ค่าต่างๆนานา รวมไปถึงมูลค่าของ"เงิน" ที่เราใช้เวลาของเราไปแลกมันมา ฝากใจไว้กับกลุ่มคนใด ใครคนหนึ่ง
## ปัจเจกชน ปลดแอก ##
หลังจากประชาชนประสบกับการเป็นทาสมากว่าครึ่งศตวรรษ ทางออกของเป็นนี้ย่อมไม่ใช่การขอร้องอ้อนวอนให้หัวหน้าทาสปฏิบัติกับเราอย่างไร หากแต่เป็นการลุกขึ้นยืนหยัดต่อกรกับมันด้วยตนเองต่างหาก
การต่อสู้ ทำสงคราม หาใช่การรบราฆ่าฟัน อาศัยกำลังเข้าปะทะกันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยทั้งกลุยทธ์ กลอุบาย หลักการบริหารคน บริหารทรัพยากร และทุน เมื่อโอกาส เวลา และสถานที่มาถึง สงครามนั้นเราจึงได้รับชัย
สำหรับปัจเจกชนอย่างเราๆ ท่านๆ เราไร้ซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ กองทุนหนุนหลัง ภาษีประชาชน และ กฎหมายซึ่งบังคับกลับคืน แต่สิ่งที่เรามีคือ "เวลา" และ "เจตจำนงค์เสรี" ซึ่งทั้งสองนั้นคืออาวุธซึ่งจะทำให้เราได้รับชัยชนะ เมื่อเจตจำนงค์เสรี นำมาซึ่งความสนใจเฉพาะด้าน(Self-interest) พัฒนาความสามารถนั้น(Specialization) และนำความสามารถดังกล่าวมาแลกเปลี่ยนกันในตลาดเสรี(Free market) และคุณค่าที่คุณมอบให้กับผู้อื่นได้รับกลับมาเหลือเป็นกำไร เก็บไว้ในเงินที่ไม่เสื่อมค่า (Hard Money) เงินซึ่งเป็นมาตรวัดทางเศรษฐกิจที่เที่ยงตรง คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม้บรรทัดทางเศรษฐกิจที่มีความยาวเท่าเดิมตลอดไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากชนชั้นรากหญ้าหาใช่การปฏิวัติยึดอำนาจพิฆาตนายทุนอย่างที่ Marx หลอกลวง แต่เป็นการหวนคืนสู่ธรรมชาติของมนุษย์ สู่ระเบียบตามธรรมชาติ สู่เศรษฐศาสตร์ สู่การสื่อสารทางคุณค่า อย่างที่มันควรจะเป็น
Fix the money, Fix the world
เมื่อเราเริ่มเก็บออมได้ เราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว...
GM #siamstr
ประโยคดังกล่าว เป็นการสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่ผมได้พบเจอบนแพลตฟอร์ม Mian stream ทั้งท่อแดง ท่อฟ้า เอาไว้ทั้งหมด ทำไมล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น?
"ประเทศไทยเศรษฐกิจตกต่ำ" "ประเทศล้าหลัง" "คนอื่นเค้าไปถึงไหนกันแล้ว" นี่คือคำบ่นกร่นด่าของชาวไทยมรตลอดหลายปีถึงการดูถูกเหยียดหยามประเทศตัวเองซึ่งใช่ครับ มันเป็นความจริงในหลายๆแง่มุม รวมทั้งสาเหตุของปัญหาที่ชาวบิตคอยน์เนอร์ทราบกันดี นั่นคือการแทรกแซงของรัฐ และระบบทุนนิยมอุปถัมภ์ซึ่งเหล่านายทุนเข้าหาอำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของตน แต่สำหรับใครหลายคนตามแพลตฟอร์มสื่อกระแสหลักนั้น พวกเขาไม่ได้เข้าใจแบบนั้น
"ถ้าการเมืองดี..." "รัฐต้องช่วย..." รัฐต้องดูแล..." รัฐต้องสนับสนุน" "รัฐต้อง..." "รัฐต้อง..." "รัฐ...รัฐ" ทำไมการแก้ปัญหาสุดท้าย กลายเป็นทุกคนงอมืองอเท้าอ้าปากบอกให้ "รัฐ" เข้ามาแก้ไขในทุกปัญหาที่เกิดขึ้นได้ล่ะ? ทำไมความอยู่รอดของเขาเหล่านั้น ครอบครัว ธุรกิจ บริษัทของพวกเขาหลายล้านคน ถึงขึ้นอยู่กับปากและปากกาของคนไม่กี่พันคนนั้นหล่ะ โลกนี้มันผิดเพี้ยนมากแค่ไหน ถึงทำให้คนๆหนึ่ง สามารถไว้ใจผู้อื่นได้มากกว่าตนเองกัน
## Fiat = บัญชา อาญาสิทธิ์ ##
เมื่อเรามองย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของมันจะพบว่า นี่เป็นระยะเวลากว่า 110 ปีมาแล้ว ที่มนุษย์เราเริ่มการทดลองครั้งยิ่งใหญ่ระดับมนุษยชาติ โดยการทดลองประดิษฐ์ "นโยบายการเงิน" โดยมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศตั้งองค์กร "Fed" ซึ่งเป็นธนาคารกลางสหรัฐซึ่งทำหน้าที่เป็น "แหล่งทุนกู้ยืมแหล่งสุดท้าย(Lender of last resort)" ให้กับบรรดาธนาคารพานิชย์ในสหรัฐฯ
ใช่ครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มนุษย์ทดลองสร้าง "เงินเฟียต" ขึ้นมา ตั้งแต่เงินกระดาษของจีน เหรียญลีร่า เหรียญกิลเดอร์ ตั๋วแลกทอง พดด้วง และอีกมากมายทั่วโลก แต่การทดลองนี้มันจะพิเศษกว่าครั้งไหนๆ ด้วยการมาของ "เคนส์" และแนวคิดแบบ "เคนส์เซี่ยน"
การมาถึงของเคนส์ได้สั่นสะเทือนแนวคิดทางเศรษฐกิจ ทฤษฎีของเขาคือ "ขงเบ้ง" ที่รัฐตามหา อาศัยวิกฤตปี 1929 ซึ่งซึ่งแท้จริงแล้วเกิดจากการ Leverage สร้างเงินในรูปแบบของหนี้ขึ้นมาจากอากาศในช่วง 1920 หรือที่เรียกว่า The Roaring 20s วิกฤต The Great Depression กลายเป็นผู้ร้าย และรัฐบาลในสมัยถัดมาอย่าง Franklin D. Roosevelt และนโยบายของเขา "New Deal" กลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาวในสายตาคนอเมริกัน
หลังจากนั้น 10กว่าปี ในปี 1944 โลกก็ได้พบกับมาตรฐานทางการเงินใหม่ ซึ่งก็คือระบบ "Dollar Standard" เมื่อกว่า 44 ประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร มารวมตัวเพื่อหารือกัน อีกทั้งในที่ประชุมแห่งนี้เองก็ได้ให้กำเนิดขุนพลพยัคฆ์อย่าง IMF และ IBRD ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารโลกในเวลาต่อมา
Dollar Standard กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก ณ เวลานั้น แต่นั้นก็เพราะเขาให้สัญญาว่าจะสามารถแลกคืนดอลล่าร์เหล่านี้เป็น "ทองคำ" ได้ ถึงแม้ผู้คนภายในประเทศจะถูกริบ และห้ามครอบครองทองคำมาแล้วกว่า 10 ปีนับแต่การออก Executive Order 6102 ของประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt มาจนถึงช่วงข้อตกลง Bretton Wood ในปี 1944
ถึงอย่างนั้น Dollar เองก็ได้พัฒนาไปอีกขั้น ไปสู่จุดซึ่งไม่มีมนุษย์ผู้ใดเคยไปถึง นวัตกรรมใหม่แกะกล่องที่ยังไม่เคยมีใครได้ลิ้มลองคือการสกุลเงินซึ่ง "ไม่มีสิ่งใดแบ็คหลัง" หรือเป็น "อากาศธาตุ" เมื่อประธานาธิบดี Richard Nixon ประกาศ Nixon's Shock ยกเลิกการรับแลกดอลล่าร์เป็นทองคำ และปล่อยค่าเงินของแต่ละประเทศลอยตัว แลกเปลี่ยนกันอย่าง "เสรี" ภายใต้การควบคุมของธนาคารกลางแต่ละประเทศ
จนถึงตอนนี้นับเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ที่การทดลองขั้นสุดท้ายได้ถูกปล่อยสู่มนุษยชาติ และมันก็เป็นระยะเวลากว่า 50ปีเช่นกัน ที่เราได้ให้ความเชื่อใจทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าเรียนลูก ค่าต่างๆนานา รวมไปถึงมูลค่าของ"เงิน" ที่เราใช้เวลาของเราไปแลกมันมา ฝากใจไว้กับกลุ่มคนใด ใครคนหนึ่ง
## ปัจเจกชน ปลดแอก ##
หลังจากประชาชนประสบกับการเป็นทาสมากว่าครึ่งศตวรรษ ทางออกของเป็นนี้ย่อมไม่ใช่การขอร้องอ้อนวอนให้หัวหน้าทาสปฏิบัติกับเราอย่างไร หากแต่เป็นการลุกขึ้นยืนหยัดต่อกรกับมันด้วยตนเองต่างหาก
การต่อสู้ ทำสงคราม หาใช่การรบราฆ่าฟัน อาศัยกำลังเข้าปะทะกันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยทั้งกลุยทธ์ กลอุบาย หลักการบริหารคน บริหารทรัพยากร และทุน เมื่อโอกาส เวลา และสถานที่มาถึง สงครามนั้นเราจึงได้รับชัย
สำหรับปัจเจกชนอย่างเราๆ ท่านๆ เราไร้ซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ กองทุนหนุนหลัง ภาษีประชาชน และ กฎหมายซึ่งบังคับกลับคืน แต่สิ่งที่เรามีคือ "เวลา" และ "เจตจำนงค์เสรี" ซึ่งทั้งสองนั้นคืออาวุธซึ่งจะทำให้เราได้รับชัยชนะ เมื่อเจตจำนงค์เสรี นำมาซึ่งความสนใจเฉพาะด้าน(Self-interest) พัฒนาความสามารถนั้น(Specialization) และนำความสามารถดังกล่าวมาแลกเปลี่ยนกันในตลาดเสรี(Free market) และคุณค่าที่คุณมอบให้กับผู้อื่นได้รับกลับมาเหลือเป็นกำไร เก็บไว้ในเงินที่ไม่เสื่อมค่า (Hard Money) เงินซึ่งเป็นมาตรวัดทางเศรษฐกิจที่เที่ยงตรง คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม้บรรทัดทางเศรษฐกิจที่มีความยาวเท่าเดิมตลอดไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากชนชั้นรากหญ้าหาใช่การปฏิวัติยึดอำนาจพิฆาตนายทุนอย่างที่ Marx หลอกลวง แต่เป็นการหวนคืนสู่ธรรมชาติของมนุษย์ สู่ระเบียบตามธรรมชาติ สู่เศรษฐศาสตร์ สู่การสื่อสารทางคุณค่า อย่างที่มันควรจะเป็น
Fix the money, Fix the world
เมื่อเราเริ่มเก็บออมได้ เราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว...
GM #siamstr