maiakee on Nostr: ...

🪐ทฤษฎีจิตนานุภาพแห่งสรรพสิ่ง(Panpsychism) ที่อ้างว่าจิตสำนึกมีอยู่ตั้งแต่ในโมเลกุล ถึงระดับดวงดาว ✨
สรุปบทความ: Panpsychism และ Astro-Panpsychism จาก Metaphysics สู่ Observational Science
บทความนี้สำรวจแนวคิด Panpsychism ซึ่งเชื่อว่าจิตสำนึก (consciousness) เป็นสมบัติพื้นฐานของทุกสิ่งในจักรวาล ตั้งแต่ระดับโมเลกุลจนถึงระดับดวงดาว และแนวคิดที่เกี่ยวข้องอย่าง Astro-Panpsychism ซึ่งตั้งสมมติฐานว่าดวงดาวอาจมีจิตสำนึกในลักษณะเฉพาะของมันเอง โดยบทความได้กล่าวถึงการพัฒนาแนวคิด การทดลองสมมติฐาน และความเป็นไปได้ในการพัฒนา Panpsychism ให้กลายเป็นศาสตร์ที่เป็นวิทยาศาสตร์
1. แนวคิดพื้นฐาน: Integrated Information Theory (IIT)
Giulio Tononi (2012a, 2012b) เสนอว่า จิตสำนึกเป็นสมบัติภายในของระบบทางกายภาพใด ๆ โดยระดับจิตสำนึกของระบบขึ้นอยู่กับ “จำนวนของการเชื่อมโยงที่ทำให้ข้อมูลสามารถรวมกันได้” ตัวอย่างเช่น:
• สมองมนุษย์ ที่มีเครือข่ายนิวรอนนับพันล้าน มีจิตสำนึกที่สูงมาก
• โมเลกุลเล็ก มีจำนวนการเชื่อมโยงน้อย จึงมีจิตสำนึกที่ต่ำกว่า
Matloff (2012, 2015, 2016, 2017) นำแนวคิดนี้มาปรับใช้กับดาวฤกษ์ โดยตั้งสมมติฐานว่า “โมเลกุลที่เสถียรในหรือเหนือชั้นบรรยากาศของดาวฤกษ์อาจมีระดับจิตสำนึกสูงมาก” เพราะจำนวนโมเลกุลมหาศาลในดวงดาวสามารถสร้างพฤติกรรมแบบรวมกลุ่ม (flocking behavior) ที่ซับซ้อน
2. Astro-Panpsychism: ดวงดาวมีจิตสำนึกหรือไม่?
แนวคิด Astro-Panpsychism สำรวจว่า ดวงดาวหรือระบบดาราศาสตร์อื่น ๆ อาจมีจิตสำนึกในแบบที่ต่างจากสิ่งมีชีวิตบนโลก โดยมีหลักฐานและสมมติฐานสนับสนุน เช่น:
• การเคลื่อนที่ของดวงดาว:
Matloff สังเกตความผิดปกติในความเร็วการโคจรของดวงดาวที่เรียกว่า Parenago’s Discontinuity ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ดวงดาวมวลน้อย (เช่น ดวงอาทิตย์) เคลื่อนที่เร็วกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับดวงดาวมวลมากในระยะใกล้ศูนย์กลางกาแล็กซี เขาตั้งสมมติฐานว่า “การเคลื่อนที่นี้อาจเกิดจากการตัดสินใจของดวงดาวเอง”
• ความพยายามในการสื่อสารกับดวงดาว:
Rupert Sheldrake (2018) เสนอว่าวิธีที่อาจใช้สื่อสารกับดวงอาทิตย์คือ “การใช้มนต์และเสียงเพลงที่เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ เช่น การสวดมนต์ในศาสนาฮินดู” เพื่อกระตุ้นการตอบสนอง เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบจุดบนดวงอาทิตย์
• Van de Bogart (2017) เสนอว่าดวงดาวอาจสื่อสารผ่าน “รูปแบบที่ละเอียดอ่อนในเอาต์พุตแม่เหล็กไฟฟ้าของมัน”
3. เกณฑ์ที่ทำให้ Panpsychism เป็นวิทยาศาสตร์
Matloff ชี้ว่า Panpsychism สามารถพัฒนาเป็นวิทยาศาสตร์ได้หากผ่านเกณฑ์ 7 ข้อต่อไปนี้:
เกณฑ์ 1: พัฒนาสมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับ Astro-Panpsychism
• Matloff (2012) ตั้งสมมติฐานว่า “การเคลื่อนที่บางส่วนของดวงดาวอาจเกิดจากจิตสำนึก” โดยเขาสังเกตว่าความเร็วการโคจรของดวงดาวเปลี่ยนแปลงเมื่อมีโมเลกุลปรากฏในสเปกตรัมของดวงดาว
เกณฑ์ 2: การทดสอบสมมติฐานด้วยการทดลองหรือการสังเกต
• สมมติฐานทางกลไก (mechanistic hypothesis) ที่เรียกว่า Spiral Arms Density Waves เสนอว่า “เนบิวลาขนาดใหญ่ทำให้ดวงดาวมวลน้อยเคลื่อนที่เร็วขึ้น” แต่ข้อมูลจากโครงการ Gaia พบว่า Parenago’s Discontinuity ขยายตัวไปยังระยะที่ใหญ่กว่าเนบิวลา 30 Doradus ซึ่งขัดแย้งกับสมมติฐานนี้
เกณฑ์ 3: การคาดการณ์ผลการสังเกตในอนาคต
• ข้อมูลจาก Gaia ยืนยันว่า Parenago’s Discontinuity ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ในท้องถิ่น (non-local phenomenon) และดวงดาวมีแนวโน้มเร่งความเร็วตามอายุ
เกณฑ์ 4: การพัฒนากระบวนการเชิงปริมาณ
• Tononi (2012a, 2012b) เสนอการวัดระดับจิตสำนึกด้วยตัวชี้วัด “PHI” ซึ่งช่วยให้ Panpsychism มีกรอบการวิเคราะห์ที่ชัดเจน
เกณฑ์ 5: การดึงดูดผู้เชี่ยวชาญมาสนับสนุน
• งานวิจัยที่เกี่ยวข้องของ Maller (2007), Murdzek และ Iftimie (2008), Sheldrake (2018), และ Vidal (2014, 2016) แสดงถึงการสนใจในวงกว้าง
เกณฑ์ 6: ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
• ผลการศึกษาพบว่า “ดวงดาวใน Main Sequence เร่งความเร็วเมื่อมีอายุมากขึ้น” ซึ่งอาจบ่งบอกถึงกาแล็กซีที่มีจิตสำนึกหรือถูกออกแบบทางวิศวกรรม
เกณฑ์ 7: อิทธิพลต่อวัฒนธรรมวงกว้าง
• แนวคิดนี้ได้ถูกนำเสนอในนิยายวิทยาศาสตร์ เช่น Bowl of Heaven และ Connect ซึ่งช่วยสื่อสารแนวคิด Panpsychism ให้แก่ผู้อ่านทั่วไป
4. อนาคตของ Panpsychism
บทความสรุปว่า Panpsychism กำลังพัฒนาเป็นศาสตร์ใหม่ที่มีหลักฐานและกระบวนการเชิงปริมาณสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวคิดคู่แข่ง เช่น Idealism (Chopra และ Kafatos, 2017) ที่เสนอว่าจิตสำนึกไม่เพียงแค่มีอยู่ทุกที่ แต่ยังเป็นสิ่งสำคัญเหนือกว่าสสารและพลังงาน
Panpsychism และ Astro-Panpsychism เป็นแนวคิดที่นำเสนอจิตสำนึกในระดับจักรวาล โดยใช้หลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์และการวิเคราะห์เชิงปริมาณ แนวคิดนี้ไม่เพียงท้าทายกรอบความคิดทางวิทยาศาสตร์แบบเดิม แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ในการทำความเข้าใจจักรวาล
ที่มา: https://academicworks.cuny.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1654&context=ny_pubs&t&utm_source=perplexity
#Siamstr #science #quantum #biology #nostr
