SutjaD on Nostr: คนที่ถือยาส้มไว้ในปาก ...
คนที่ถือยาส้มไว้ในปาก ยังไม่กลืนและลิ้มรส มันมีเหตุผลอยู่ เพราะความ "รู้" มันไม่เท่า "รู้ซึ้ง" #siamstr
เขาอาจจะเป็นเทรดเดอร์ คนถือshitcoin นักลงทุน or else อะไรก็แล้วแต่ ที่รู้จักแค่ bitcoin ผ่าน ๆ
เขารู้แค่ว่า ราคามันเด้งทุกปี ๆ
แต่ก็ยังไม่เข้ามาถือยาว ๆ
อาจจะถือแปปเดียวแล้วแบบ "เอ้ย เหยด แม่งกลับมาพ้นดอยแล้วโว้ยยยย" แล้วขายทิ้งเอามาแลกเงินที่เสื่อมค่า เพื่อไปสนอง materialism ของตัวเอง
นั่นเป็นเพราะเขายัง "ให้เวลา" ยังไม่มากพอ
และ "เวลาแม่งช้า" และแน่นอนยิ่งกว่าคือ "ความจริงแม่งช้า"
ตัวผมเองก็เลิกนิสัยข้างต้นไปนานแล้ว หลังจาก "รู้" มันทำหน้าที่เป็น stored of value เป็นอย่างดี
แต่รู้มันก็แค่รู้....
ปีที่แล้ว ผมใช้ชีวิตเหลวๆเป๋วๆ ( hightime preference มาก ) แต่ยังมี stacksat ลง trezor
อยู่ -- แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ความ hightime-preference ทำให้ผมต้องแงะ trezor ออกมาซื้อของบางอย่าง* แต่ก็เหลือ sat ไว้จำนวนหนึ่ง*
จากนั้นชีวิตผมก็เหลวกว่าเดิม กว่าจะเข้าทรงได้ก็ปลายปี 2024 -- วินัยการเงินผมเริ่มกลับมา
ผมนึกไงไม่รู้ลองกลับไปเช็ค trezor ละพบว่า
เห้ย
sat ที่มีอยู่ พอเทียบกับเฟียต
มันมี "น้อยกว่าก่อนที่จะถอนไปตอนนั้น" อยู่ไม่มาก
วินาทีนั่นคือรู้ซึ้ง เราไม่รู้หรอกว่า อนาคตเราจะอยู่อย่างลำบากมากน้อยแค่ไหนในเงินที่เฟ้อเรื่อยๆ
แต่เราได้เห็นทางรอด โดยการการเช็ค trezor ในวันนั้น มันทำให้เรารู้ซึ้งถึง stored of value จริงๆ ผ่านมือเราเอง ที่ stacksat เอง
และให้เวลา พิสูจน์
เราได้สัมผัสทางรอดได้ด้วยตัวเราเอง
ต่อให้จะอ่าน rightshift ทุกบทความ ดูจารย์ตั๊มครบ1000คลิป แน่นอน มันทำให้เรามีความรู้
แต่การ stacksat (ลงมือทำ) และให้เวลาพาพิสูจน์ทำให้เรารู้ซึ้งจริง ๆ
ผมซึ้งมากจนกระทั่งว่า ความตั้งใจในการอยากรีบทำงาน รีบหาเงิน มันกลับมา
bitcoin ทำให้ชีวิตคนกลับมามีความหมายอีกครั้ง
ทำให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ไม่สำคัญว่า sat ที่ผมเหลือ เมื่อเทียบกับเฟียตมันจะเป็นเท่าไร
xxx sat ในปีที่แล้ว ≠ xxx usd ในปีที่แล้ว
xxx sat ในปีที่แล้ว ≠ xxx usd ในปีนี้
xxx sat = xxx sat
1 btc = 1 btc
#เวลามีค่าศึกษาบิทคอยน์
เขาอาจจะเป็นเทรดเดอร์ คนถือshitcoin นักลงทุน or else อะไรก็แล้วแต่ ที่รู้จักแค่ bitcoin ผ่าน ๆ
เขารู้แค่ว่า ราคามันเด้งทุกปี ๆ
แต่ก็ยังไม่เข้ามาถือยาว ๆ
อาจจะถือแปปเดียวแล้วแบบ "เอ้ย เหยด แม่งกลับมาพ้นดอยแล้วโว้ยยยย" แล้วขายทิ้งเอามาแลกเงินที่เสื่อมค่า เพื่อไปสนอง materialism ของตัวเอง
นั่นเป็นเพราะเขายัง "ให้เวลา" ยังไม่มากพอ
และ "เวลาแม่งช้า" และแน่นอนยิ่งกว่าคือ "ความจริงแม่งช้า"
ตัวผมเองก็เลิกนิสัยข้างต้นไปนานแล้ว หลังจาก "รู้" มันทำหน้าที่เป็น stored of value เป็นอย่างดี
แต่รู้มันก็แค่รู้....
ปีที่แล้ว ผมใช้ชีวิตเหลวๆเป๋วๆ ( hightime preference มาก ) แต่ยังมี stacksat ลง trezor
อยู่ -- แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ความ hightime-preference ทำให้ผมต้องแงะ trezor ออกมาซื้อของบางอย่าง* แต่ก็เหลือ sat ไว้จำนวนหนึ่ง*
จากนั้นชีวิตผมก็เหลวกว่าเดิม กว่าจะเข้าทรงได้ก็ปลายปี 2024 -- วินัยการเงินผมเริ่มกลับมา
ผมนึกไงไม่รู้ลองกลับไปเช็ค trezor ละพบว่า
เห้ย
sat ที่มีอยู่ พอเทียบกับเฟียต
มันมี "น้อยกว่าก่อนที่จะถอนไปตอนนั้น" อยู่ไม่มาก
วินาทีนั่นคือรู้ซึ้ง เราไม่รู้หรอกว่า อนาคตเราจะอยู่อย่างลำบากมากน้อยแค่ไหนในเงินที่เฟ้อเรื่อยๆ
แต่เราได้เห็นทางรอด โดยการการเช็ค trezor ในวันนั้น มันทำให้เรารู้ซึ้งถึง stored of value จริงๆ ผ่านมือเราเอง ที่ stacksat เอง
และให้เวลา พิสูจน์
เราได้สัมผัสทางรอดได้ด้วยตัวเราเอง
ต่อให้จะอ่าน rightshift ทุกบทความ ดูจารย์ตั๊มครบ1000คลิป แน่นอน มันทำให้เรามีความรู้
แต่การ stacksat (ลงมือทำ) และให้เวลาพาพิสูจน์ทำให้เรารู้ซึ้งจริง ๆ
ผมซึ้งมากจนกระทั่งว่า ความตั้งใจในการอยากรีบทำงาน รีบหาเงิน มันกลับมา
bitcoin ทำให้ชีวิตคนกลับมามีความหมายอีกครั้ง
ทำให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ไม่สำคัญว่า sat ที่ผมเหลือ เมื่อเทียบกับเฟียตมันจะเป็นเท่าไร
xxx sat ในปีที่แล้ว ≠ xxx usd ในปีที่แล้ว
xxx sat ในปีที่แล้ว ≠ xxx usd ในปีนี้
xxx sat = xxx sat
1 btc = 1 btc
#เวลามีค่าศึกษาบิทคอยน์