lunchblock on Nostr: ทำไมถึงต้องเก็บ bitcoin ไว้ใน Hardware Wallet ...
ทำไมถึงต้องเก็บ bitcoin ไว้ใน Hardware Wallet ของตัวเอง? (Self custody)
จริงๆอยากจะขออนุมานว่าแฟนเพจของเรารู้จัก seed กันดีอยู่แล้ว แต่เผื่อว่าโพสต์นี้ถูกแชร์ออกไปอาจจะมีบางคนที่ไม่รู้จัก seed ว่ามันมีความสำคัญยังไง จึงขออธิบายไว้สั้นๆนิดนึงนะครับ
Seed เป็นคำศัพท์จำนวน 12 หรือ 24 คำ (หรือแล้วแต่) ที่เมื่อปกติแล้วถ้าหากเราซื้อ hardware wallet มา แล้วเปิดเครื่องครั้งแรก เจ้าตัว HW จะแจ้งคำศัพท์เหล่านี้มาให้ "ครั้งเดียว" และมีความสำคัญอย่างมากกกกกก ขณะที่จด(หรือจำ) คำศัพท์เหล่านี้ *ห้ามมิให้มีกล้องใดๆจับไว้เด็ดขาด* คุณควรจะทำในที่ที่เป็นส่วนตัวที่สุด ห้ามถ่ายรูป แล้วจดใส่กระดาษที่ hw แถมมาให้ในกล่องก็ได้ครับ
ทำไมถึงต้องเป็นส่วนตัวขนาดนั้น? นั่นเพราะว่าที่หากมีคนอื่นคนใดรู้ถึง seed ของท่าน เขาสามารถเอา seed เหล่านั้นไปใช้กับ hardware wallet เปล่าๆอันใหม่ได้เลยแล้วเขาก็สามารถเป็นเจ้าของเงินที่อยู่ในนั้นแทนคุณได้เลย !!
ดูแล้วอันตรายใช่ไหมครับ? กังวลไหม? ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ฝาก bitcoin ของเราไว้ใน exchange ล่ะจะเอามาเก็บไว้ใน hardware wallet ของตัวเองให้ลำบากทำไมล่ะ? ในเมื่อ self custody มันช่างยุ่งยากเหลือเกิน แถมยังเสี่ยงกับความเผลอเรอของตัวเองอีกต่างหาก !!
นั่นเพราะมันเป็นเงินของคุณ! บิทคอยน์ถูกออกแบบมาให้มนุษยชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร เฉกเช่นเดียวกับทองคำที่เราสามารถสัมผัสมันได้ และจะใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องขออำนาจจากใคร เราไม่ต้องรอเวลาตลาดเปิดเพื่อขอซื้อขาย เราไม่ต้องรอ exchange อนุมัติการถอนหรือโอนไปยังบุคคลอื่น เราไม่ต้องห่วงเรื่องว่า exchange ที่เราฝากอยู่นั้นจะล่มสลายเมื่อไหร่ จะถูกโจมตีจาก Hacker อื่นๆหรือไม่? ในเมื่อมันเป็นเงินของเราเอง เราก็ต้องรับผิดชอบดูแลรักษามันเองมันไม่สมเหตุสมผลกว่าหรอกเหรอ? การฝากคนอื่นดูแลให้นั้นก็เหมือนกันการยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ เราอาจจะโทษคนอื่นได้หากเกิดเหตุผิดคาดขึ้น แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเค้าจะรับผิดชอบแค่ไหนและเมื่อไหร่? (บางท่านอาจบอกว่ามีกฏหมายรับรองอยู่ มันก็ใช่ แต่ถ้าหากเราต้องการใช้เงินวันพรุ่งนี้ในขณะที่ exchange เหล่านั้นรออำนาจศาลอยู่เล่า ท่านจะทำอย่างไร จะรอไปอีก 2 ปีให้ศาลบังคับชดใช้ (อาจจะไม่เต็มจำนวนด้วยซ้ำ หรืออย่างเคส FTX ที่ผมเคยโดนมา ก่อนล่มผมอุตสาห์เปลี่ยนเป็น BTC ให้หมดแล้ว มันยั๊งคืนมาเป็น USDT อีกต่างหาก เราเหมือนจะเป็นเจ้าของแต่ไม่มีอำนาจทัดทานอะไรได้เลย ความยุติธรรมที่มาช้า ก็ไม่ต่างกับความอยุติธรรม)
เขียนไปเขียนมายาวเหมือนกันแฮะ เอาเป็นว่าพยายามทำ Self Custodial กันเถอะ ส่วนวิธีการเก็บบิทคอยน์ไว้ที่ตัวเอง ลองเริ่มจากวิธีเบสิคก่อนก็ได้ครับ มีช่อง Right Shift ทำไว้อย่างดี ลองไปหาฟังดูนะครับ ผมแค่โพสต์เพราะต้องการขายของที่ผมทำนั่นแหละ แต่ก็เป็นประโยนช์กับท่านผู้อ่านด้วย อย่าลืมให้ LunchBlock เป็นหนึ่งในวิธีเก็บ seed ของคุณนะครับ 🙂
(แต่ต่อให้ไม่ใช้ LunchBlock ผมก็ยังสนับสนุนให้ศึกษาวิธี Self Custodial หรือลองทำดู จะเป็นประโยชน์ต่อท่านๆอย่างมาก)
#siamstr
จริงๆอยากจะขออนุมานว่าแฟนเพจของเรารู้จัก seed กันดีอยู่แล้ว แต่เผื่อว่าโพสต์นี้ถูกแชร์ออกไปอาจจะมีบางคนที่ไม่รู้จัก seed ว่ามันมีความสำคัญยังไง จึงขออธิบายไว้สั้นๆนิดนึงนะครับ
Seed เป็นคำศัพท์จำนวน 12 หรือ 24 คำ (หรือแล้วแต่) ที่เมื่อปกติแล้วถ้าหากเราซื้อ hardware wallet มา แล้วเปิดเครื่องครั้งแรก เจ้าตัว HW จะแจ้งคำศัพท์เหล่านี้มาให้ "ครั้งเดียว" และมีความสำคัญอย่างมากกกกกก ขณะที่จด(หรือจำ) คำศัพท์เหล่านี้ *ห้ามมิให้มีกล้องใดๆจับไว้เด็ดขาด* คุณควรจะทำในที่ที่เป็นส่วนตัวที่สุด ห้ามถ่ายรูป แล้วจดใส่กระดาษที่ hw แถมมาให้ในกล่องก็ได้ครับ
ทำไมถึงต้องเป็นส่วนตัวขนาดนั้น? นั่นเพราะว่าที่หากมีคนอื่นคนใดรู้ถึง seed ของท่าน เขาสามารถเอา seed เหล่านั้นไปใช้กับ hardware wallet เปล่าๆอันใหม่ได้เลยแล้วเขาก็สามารถเป็นเจ้าของเงินที่อยู่ในนั้นแทนคุณได้เลย !!
ดูแล้วอันตรายใช่ไหมครับ? กังวลไหม? ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ฝาก bitcoin ของเราไว้ใน exchange ล่ะจะเอามาเก็บไว้ใน hardware wallet ของตัวเองให้ลำบากทำไมล่ะ? ในเมื่อ self custody มันช่างยุ่งยากเหลือเกิน แถมยังเสี่ยงกับความเผลอเรอของตัวเองอีกต่างหาก !!
นั่นเพราะมันเป็นเงินของคุณ! บิทคอยน์ถูกออกแบบมาให้มนุษยชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร เฉกเช่นเดียวกับทองคำที่เราสามารถสัมผัสมันได้ และจะใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องขออำนาจจากใคร เราไม่ต้องรอเวลาตลาดเปิดเพื่อขอซื้อขาย เราไม่ต้องรอ exchange อนุมัติการถอนหรือโอนไปยังบุคคลอื่น เราไม่ต้องห่วงเรื่องว่า exchange ที่เราฝากอยู่นั้นจะล่มสลายเมื่อไหร่ จะถูกโจมตีจาก Hacker อื่นๆหรือไม่? ในเมื่อมันเป็นเงินของเราเอง เราก็ต้องรับผิดชอบดูแลรักษามันเองมันไม่สมเหตุสมผลกว่าหรอกเหรอ? การฝากคนอื่นดูแลให้นั้นก็เหมือนกันการยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ เราอาจจะโทษคนอื่นได้หากเกิดเหตุผิดคาดขึ้น แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเค้าจะรับผิดชอบแค่ไหนและเมื่อไหร่? (บางท่านอาจบอกว่ามีกฏหมายรับรองอยู่ มันก็ใช่ แต่ถ้าหากเราต้องการใช้เงินวันพรุ่งนี้ในขณะที่ exchange เหล่านั้นรออำนาจศาลอยู่เล่า ท่านจะทำอย่างไร จะรอไปอีก 2 ปีให้ศาลบังคับชดใช้ (อาจจะไม่เต็มจำนวนด้วยซ้ำ หรืออย่างเคส FTX ที่ผมเคยโดนมา ก่อนล่มผมอุตสาห์เปลี่ยนเป็น BTC ให้หมดแล้ว มันยั๊งคืนมาเป็น USDT อีกต่างหาก เราเหมือนจะเป็นเจ้าของแต่ไม่มีอำนาจทัดทานอะไรได้เลย ความยุติธรรมที่มาช้า ก็ไม่ต่างกับความอยุติธรรม)
เขียนไปเขียนมายาวเหมือนกันแฮะ เอาเป็นว่าพยายามทำ Self Custodial กันเถอะ ส่วนวิธีการเก็บบิทคอยน์ไว้ที่ตัวเอง ลองเริ่มจากวิธีเบสิคก่อนก็ได้ครับ มีช่อง Right Shift ทำไว้อย่างดี ลองไปหาฟังดูนะครับ ผมแค่โพสต์เพราะต้องการขายของที่ผมทำนั่นแหละ แต่ก็เป็นประโยนช์กับท่านผู้อ่านด้วย อย่าลืมให้ LunchBlock เป็นหนึ่งในวิธีเก็บ seed ของคุณนะครับ 🙂
(แต่ต่อให้ไม่ใช้ LunchBlock ผมก็ยังสนับสนุนให้ศึกษาวิธี Self Custodial หรือลองทำดู จะเป็นประโยชน์ต่อท่านๆอย่างมาก)
#siamstr