LATES on Nostr: เชียงใหม่ On My Mind 2 ...
เชียงใหม่ On My Mind
2 วันที่ผ่านมาต้องไปสอนหนังสือที่เชียงใหม่ ในชีวิตผมไปเชียงใหม่มาเกือบยี่สิบครั้ง สมัยเป็นอาจารย์นี่ไปแทบทุกปี ส่วนใหญ่จึงไปทำงาน ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเหมือนชาวบ้าน รอบนี้มีเวลาว่างครึ่งวัน จะมาพาพวกเราไปเที่ยวในแบบของผม
และเช่นเคย กรุณาดูรูปพร้อมอ่านคำบรรยายไปเพลินๆจนจบครับ
หลักฐานยืนยันว่าไปสอนหนังสือจริงๆ สอน hard power ที่พูดชื่อมันตรงๆไม่ได้ ไม่งั้นโดน soft ban
พอมีเวลาว่างครึ่งวันเลยแว๊บเที่ยว ได้มาใช้แกร๊บจริงจังเอาก็คราวนี้ แล้วเนื่องจากผมเป็นคนมีอายุ ผมก็เลยไปเที่ยววัด ไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นคนมีศาสนานะครับ แต่เพราะผมเป็นคนชอบศิลปะ
ไปหลายวัด แต่ในบรรดาวัดทั้งหมดมีแต่วัดแรกนี่แหละที่ผมไม่เคยไป วัดต้นเกว๋นครับ คงเพราะสมัยก่อนมันไม่ดังก็เลยไม่เคยไป
ไปถึง เจอแต่คุณผู้หญิงใส่ชุดล้านนาโบราณแบบเกาะอกกันให้ว่อน โอ้โห..วัดแรกก็เจอซอฟพาวเวอร์เข้าไปเต็มๆ
ช่างซอฟพาวเวอร์มัน มาดูศิลปะล้านนาเก่าแก่กันดีกว่า พระวิหารโบราณงามมากดังคำร่ำลือ พวกเราดูนาคเชิงบันไดนาคหน้าพระวิหารตัวนี้ไว้นะครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูอีกตัวตอนหลัง
ภายในพระวิหารงดงามสงบเย็น พระประธานมีประวัติความเป็นมายังไงผมหาไม่เจอ
ติดใจก็ตรงต้นกฐินผ้าป่านี่แหละ ..ใหญ่เกือบเท่าพระประธาน ไหนว่าวัดนี้ไม่มีพระสงฆ์ไง?
ช่างซอฟพาวเวอร์ซะเหลือเกิน..
ไปเจอจิตรกรรมฝาผนังแอบอยู่ข้างๆหน้าต่างวิหารสไตล์ล้านนา ไม่ทราบประวัติ ถามคุณลุง แกตอบว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานมา 2,500 กว่าปีแล้ว ..มึงจะสนทำไม
(ลุงในจินตนาการอ่ะครับ)
วัดต่อไปที่แวะเที่ยวชมคือวัดอุโมงค์ ที่นี่เคยมาแต่นานมากจนจำแทบไม่ค่อยได้แล้ว มาถึง...สังเกตเห็นสิ่งแรกที่เปลี่ยนแปลงบริเวณลานหน้าพระเจดีย์
มันเป็นงานแสดงศิลปะกลางแจ้งสกุลใหม่ครับ เป็นศิลปะพันธุ์ผสมระหว่างญี่ปุ่น asian และล้านนา ผสมกันไปมาจนก่อเกิดเป็นเจดีย์เล็กน้อยนับร้อยเจดีย์
งดงามเหลือเกิน และด้วยความประทับใจผมจึงแอบเขี่ยทิ้งไปเจดีย์นึง
(พูดเล่นนะครับ ไม่กล้าทำจริง กลัวโดนพระท่านไล่กระทืบ)
เหตุที่วัดอุโมงค์โด่งดังและมีนักท่องเที่ยวมาชมมากก็คืออุโมงค์ใต้พระเจดีย์นี่แหละครับ (จากภาพจะเห็นแค่สาม อุโมงค์ที่สี่อยู่อีกด้านแล้วเชื่อมอุโมงค์ทั้งสามเข้าด้วยกัน)
คนส่วนมากก็จะมาเต๊ะท่าเก๋ๆถ่ายรูปกันในอุโมงค์ แต่จริงๆในอุโมงค์นี้ยังมีอีกอย่างที่คนไม่ค่อยรู้คือจิตรกรรมฝาผนัง
ฝรั่งคนนี้รู้ครับ พยายามเดินหาจิตรกรรมฝาผนังอยู่หลายรอบจนผมถ่ายรูปเขาได้น่ะ
ใจนึงก็อยากจะบอกเขาว่าจิตรกรรมที่นี่นั้นเก่าแก่ลึกซึ้งถึงระดับวิญญาณของจิตรกรรม แต่เนื่องจากผมเป็นคนใจร้าย จึงปล่อยให้มันหาไป เผื่อหาเจอจะได้ไปขอดูกับเขาบ้าง
ให้ทายว่าเขาหาเจอมั้ย 5555..
แล้วผมก็กลับเข้ามาเดินเที่ยวในตัวเมือง เมืองเชียงใหม่น่าเดินเที่ยวเช่นเดิม เตะพื้นฟุตบาทที่มันไม่เสมอกันเล็บฉีกไปแค่เล็บเดียวเองครับ
เดินเลาะกำแพงเมืองไปชื่นชมกับความขลังเก่าแก่ของเมืองโบราณอายุ 700 ปีไป ยิ่งเมื่อเสริมด้วยบูติคโฮเต็ลศิลปะโรมันอันมีรสนิยมสูงยิ่งที่อยู่ติดๆกับกำแพงเมืองเลย
...งดงามอีกแล้ว (ไอ้เดชามึงจะพูดเป็นอยู่คำเดียวไม่ได้นะ)
ในเมือง ผมแวะชมวัดโลกโมฬีเป็นวัดแรก พอเดินเข้าไปถึงกับตะลึงกับซอฟพาวเวอร์
โอ้โห..รถจอดกันยาวเหยียดชิดพระวิหารไม่กี่เมตร ช่างเป็นกุศโลบายที่ยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร เผื่อคันไหนสักคันคันเร่งลั่นทิ่มเข้าไปในพระวิหาร จะได้สร้างใหม่ให้งามกว่าเดิมดั่งเช่นเมืองฟ้าเมืองสวรรค์
ปลื้มจนน้ำตาไหลอ่ะ..
เพื่อเพิ่มความโอ่อ่าอลังการเข้าไปอีก ใกล้ๆกันตรงประตูช้างเผือก ทางเมืองเชียงใหม่เลยกำลังสร้างสะพานซูตองเป้ 2 เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมโดยไม่ต้องไปถึงแม่ฮ่องสอน
ถึงจะไม่ใช่สะพานไม้ไผ่ยาวที่สุดในประเทศไทยอย่างเช่นของแทร่ แต่ก็เดินชมอย่างตื่นเต้นได้ไม่แพ้กัน ผมเห็นฝรั่งคนหนึ่งสะดุดหัวคะมำเกือบตกสะพานอ่ะครับ soft power by adventure!
เดินผ่านวัดอินทขีลสะดือเมือง ตอนแรกก็งงๆว่าเสาอินทขิลหลักเมืองเนี่ยมันอยู่วัดไหนกันแน่ เพราะจำได้ว่ามันอยู่วัดเจดีย์หลวง เช็คดูปรากฏว่าย้ายกันตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว อันนี้ไม่ติดใจ ขนาดขั้วโลกยังย้ายได้ ทำไมสะดือเมืองจะย้ายไม่ได้
ที่ติดใจคือนี่มันศาลเจ้าในโตเกียวใช่ไหม? โอ้..ศิลปะช่างไม่มีพรมแดน
หน้าวัดพันเตา นี่ก็อีก soft power คิวสามล้อจอดกันที่ป้ายห้ามจอดเลย แถมด้วยสตรีทอาร์ทบนเสาไฟและตู้ชุมสาย
Post-Modern Art ชัดๆ ล้ำจนผมเกือบตามไม่ทัน
วัดพันเตาซึ่งเดิมเป็นวัดแฝดกับวัดเจดีย์หลวง ภายในมีพระวิหารหอคำสร้างด้วยไม้สักทั้งหลังอายุเกือบสองร้อยปี ประดิษฐานพระเจ้าปันเต้า งดงามเหลือจะพรรณนา
แต่คุณสังเกตเห็นนาคของบันไดนาคหน้าพระวิหารดูแปลกๆไหมครับ? แต่เดิมไม่มีครับ จำที่ผมให้สังเกตนาคที่วัดต้นเกว๋นได้ไหมครับ ...นี่เขาเติมนาคให้เราได้ชมตรงนี้โดยไม่ต้องไปไกลแล้ว
ยังๆเขายังไม่เพียงให้เราเท่านี้ ..ยังมีมากกว่าในรูปต่อไป
นี่ครับช่างจากกรมศิลป์ใช้เทคโนโลยีล้ำยุคสำหรับปูนหัวนาค โดยใช้ปูนตราเสือส่งมาจากอนาคต 200 ปีข้างหน้า ไม่ต้องใช้เครื่องสั่นจี้ สัดส่วนซีเมนต์และการผสมลงตัวโดยอัตโนมัติ แถมยังเข้ากับโบราณสถานได้อย่างเนียนกลืนไร้รอยต่อ
(ผมดีใจแทบเสียสติเลยมโนเอาล้วนๆเรื่องปูน ..อย่าฟ้องผมเลยนะ)
วิหารของวัดเจดีย์หลวงที่อยู่ติดกันก็กำลังบูรณะอยู่เช่นเดียวกัน
(เสียงน้าค่อม)โอ้..ประกายโมเสคแลทองอร่ามช่างเจิดจ้าเสียเหลือเกิน
ณพระธาตุเจดีย์หลวง เจดีย์สูงสุดในศูนย์กลางอาณาจักรล้านนาอันยิ่งใหญ่มา 700 ปี
เราจึงผลิตซ้อฟเพาเวอร์รูปแบบใหม่ของโลก เอาผ้าห่มพระธาตุ มาให้ฝรั่งญี่ปุ่นเกาหลีจีนวาดการ์ตูนลงบนจีวร
ณจุดนี้ ใครยังกลั้นน้ำตาได้ ..คุณเก่งครับ
ฝรั่งคนก่อนหน้าวาดการ์ตูนปลาพระอาทิตย์ ส่วนคนนี้กำลังเขียนสารภาพรักให้แฟน คนเกาหลีก่อนหน้าวาดรูปกะดอม้า แต่ผมไม่กล้าถ่าย กลัวโดนตบ
ถ้าเขาเอาผ้าผืนนี้ไปห่มพระธาตุจริงๆ ..มันคงปลิวไสว
ขากลับเดินผ่านเสาอินทขีลซึ่งเขาห้ามสุภาพสตรีเข้า ผมก็เลยไม่เข้า
สักวัน ผมจะสร้างวัดเดชาวราราม ห้ามสุภาพบุรุษเข้า เพราะคุณทั้งหลายมีลึงค์ที่สามารถปล่อยน้ำอสุจิอันเป็นอวมงคล
(เออ..บางศาสนาก็คล้ายกันเนอะ เราทุกคนเกิดผ่านไอ้นั่นของสตรีที่มีประจำเดือน เราจึงมีบาปแต่กำเนิด)
Last stop คือประตูท่าแพ ไฮไลท์ของเชียงใหม่ นั่น Art Installation กลางแจ้งอีกแล้ว แบคโฮสีส้มแปร๋นหน้าประตูท่าแพ สีเข้ากันมาก
กระตุ้นให้ผมจินตนาการถึงกษัตริย์ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านนากำลังไสช้างสีส้มเพื่อปกปักรักษาประตูเมือง ..ดื่มด่ำเหลือเกิน
ยัง...ยังไม่เพียงเท่านั้น ถนนที่แบคโฮกำลังซ่อมก็ได้มีตีนประทับเป็นที่เรียบร้อย เป็นสัญลักษณ์ว่าครั้งหนึ่งเคยมีมนุษย์มาเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
อีกด้านหนึ่งของประตู กองถ่ายกำลังถ่ายหนัง ถึงแม้ผมจะอิ่มเอมใจกับ walking trip นี้แต่ก็หมดแรงกายจะเดินต่อเลยนั่งพักดูเขาถ่ายหนังอยู่ครู่ใหญ่
คิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อย คิดถึงความรักที่ผมมีต่อเมืองนี้ คิดถึง 40 กว่าปีก่อนที่มาครั้งแรก คิดถึงครั้งที่มากราบพระพุทธสิหิงค์ที่วัดพระสิงห์อันเป็นวัดประจำราศีเกิด
ขอโทษครับที่เดิมผมรู้จักที่รักของผมน้อยเกินไป..
ขณะนั่งรถกลับโรงแรม ผมผ่านกาดสวนแก้ว เห็นเศษซากแห่งความล่มสลายจากยุคโควิด เห็นใจว่าการเป็นเมืองท่องเที่ยวนั้นต้องพึ่งพาอะไร ต้องมีด้านอัปลักษณ์ยังไง
เพราะตอนผมกลับบ้านในกรุงเทพฯ ได้ลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นครั้งแรกแล้วเดินกลับปากซอย ผมก็เจออะไรอย่างนี้ในกรุงเทพฯเช่นกัน เราไม่ใช่ประเทศที่ให้เกียรติคนเดินดิน
ผมไม่ตำหนิเชียงใหม่หรอกครับ ผมพอเข้าใจที่มาที่ไป
อาสนะที่ว่างเปล่าในวัดต้นเกว๋น...
---
จริงๆมาเชียงใหม่คราวนี้ผมมาสอนเรื่อง levels of self custody หรือระดับของการปกครองตัวเอง แต่ไม่อยากบอกตอนแรกเพราะมันจะไขว้เขวกับเรื่องที่ผมชวนเที่ยว
การเป็นอาณานิคมนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ ไม่ได้ดีงามดั่งที่คนสิ้นคิดจำนวนมากยกย่องสรรเสริญ บาดแผลของการถูกกดขี่นั้นส่งผลลึกล้ำได้หลากหลาย
เชียงใหม่เดิมเป็นอาณาจักรงดงาม อันนี้แน่แท้ไม่มีใครเถียง แต่ในเมื่อล้มเหลวในการเป็นรัฐสมัยใหม่จนต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสยาม แม้กระทั่งการรวมประเทศก็ยังไม่กลืนสนิทสมบูรณ์ เชียงใหม่พยายามที่จะปรับตัว บางด้านทำได้ดีเยี่ยม บางด้านล้มลุกคลุกคลาน มีปัญหา identity confusion ให้เห็นทั่วไป
คงเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งอ่ะครับ เมื่อเธอยืนหยัดที่จะยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง แต่ก็กลัวไม่เป็นที่รัก ผมคงได้แต่บอกเธอว่า..
ผมรักคุณเสมอครับ ..ไม่ต้องกลัว
#siamstr #blockmountain #north101 #ChiangMai
2 วันที่ผ่านมาต้องไปสอนหนังสือที่เชียงใหม่ ในชีวิตผมไปเชียงใหม่มาเกือบยี่สิบครั้ง สมัยเป็นอาจารย์นี่ไปแทบทุกปี ส่วนใหญ่จึงไปทำงาน ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเหมือนชาวบ้าน รอบนี้มีเวลาว่างครึ่งวัน จะมาพาพวกเราไปเที่ยวในแบบของผม
และเช่นเคย กรุณาดูรูปพร้อมอ่านคำบรรยายไปเพลินๆจนจบครับ
หลักฐานยืนยันว่าไปสอนหนังสือจริงๆ สอน hard power ที่พูดชื่อมันตรงๆไม่ได้ ไม่งั้นโดน soft ban
พอมีเวลาว่างครึ่งวันเลยแว๊บเที่ยว ได้มาใช้แกร๊บจริงจังเอาก็คราวนี้ แล้วเนื่องจากผมเป็นคนมีอายุ ผมก็เลยไปเที่ยววัด ไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นคนมีศาสนานะครับ แต่เพราะผมเป็นคนชอบศิลปะ
ไปหลายวัด แต่ในบรรดาวัดทั้งหมดมีแต่วัดแรกนี่แหละที่ผมไม่เคยไป วัดต้นเกว๋นครับ คงเพราะสมัยก่อนมันไม่ดังก็เลยไม่เคยไป
ไปถึง เจอแต่คุณผู้หญิงใส่ชุดล้านนาโบราณแบบเกาะอกกันให้ว่อน โอ้โห..วัดแรกก็เจอซอฟพาวเวอร์เข้าไปเต็มๆ
ช่างซอฟพาวเวอร์มัน มาดูศิลปะล้านนาเก่าแก่กันดีกว่า พระวิหารโบราณงามมากดังคำร่ำลือ พวกเราดูนาคเชิงบันไดนาคหน้าพระวิหารตัวนี้ไว้นะครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูอีกตัวตอนหลัง
ภายในพระวิหารงดงามสงบเย็น พระประธานมีประวัติความเป็นมายังไงผมหาไม่เจอ
ติดใจก็ตรงต้นกฐินผ้าป่านี่แหละ ..ใหญ่เกือบเท่าพระประธาน ไหนว่าวัดนี้ไม่มีพระสงฆ์ไง?
ช่างซอฟพาวเวอร์ซะเหลือเกิน..
ไปเจอจิตรกรรมฝาผนังแอบอยู่ข้างๆหน้าต่างวิหารสไตล์ล้านนา ไม่ทราบประวัติ ถามคุณลุง แกตอบว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานมา 2,500 กว่าปีแล้ว ..มึงจะสนทำไม
(ลุงในจินตนาการอ่ะครับ)
วัดต่อไปที่แวะเที่ยวชมคือวัดอุโมงค์ ที่นี่เคยมาแต่นานมากจนจำแทบไม่ค่อยได้แล้ว มาถึง...สังเกตเห็นสิ่งแรกที่เปลี่ยนแปลงบริเวณลานหน้าพระเจดีย์
มันเป็นงานแสดงศิลปะกลางแจ้งสกุลใหม่ครับ เป็นศิลปะพันธุ์ผสมระหว่างญี่ปุ่น asian และล้านนา ผสมกันไปมาจนก่อเกิดเป็นเจดีย์เล็กน้อยนับร้อยเจดีย์
งดงามเหลือเกิน และด้วยความประทับใจผมจึงแอบเขี่ยทิ้งไปเจดีย์นึง
(พูดเล่นนะครับ ไม่กล้าทำจริง กลัวโดนพระท่านไล่กระทืบ)
เหตุที่วัดอุโมงค์โด่งดังและมีนักท่องเที่ยวมาชมมากก็คืออุโมงค์ใต้พระเจดีย์นี่แหละครับ (จากภาพจะเห็นแค่สาม อุโมงค์ที่สี่อยู่อีกด้านแล้วเชื่อมอุโมงค์ทั้งสามเข้าด้วยกัน)
คนส่วนมากก็จะมาเต๊ะท่าเก๋ๆถ่ายรูปกันในอุโมงค์ แต่จริงๆในอุโมงค์นี้ยังมีอีกอย่างที่คนไม่ค่อยรู้คือจิตรกรรมฝาผนัง
ฝรั่งคนนี้รู้ครับ พยายามเดินหาจิตรกรรมฝาผนังอยู่หลายรอบจนผมถ่ายรูปเขาได้น่ะ
ใจนึงก็อยากจะบอกเขาว่าจิตรกรรมที่นี่นั้นเก่าแก่ลึกซึ้งถึงระดับวิญญาณของจิตรกรรม แต่เนื่องจากผมเป็นคนใจร้าย จึงปล่อยให้มันหาไป เผื่อหาเจอจะได้ไปขอดูกับเขาบ้าง
ให้ทายว่าเขาหาเจอมั้ย 5555..
แล้วผมก็กลับเข้ามาเดินเที่ยวในตัวเมือง เมืองเชียงใหม่น่าเดินเที่ยวเช่นเดิม เตะพื้นฟุตบาทที่มันไม่เสมอกันเล็บฉีกไปแค่เล็บเดียวเองครับ
เดินเลาะกำแพงเมืองไปชื่นชมกับความขลังเก่าแก่ของเมืองโบราณอายุ 700 ปีไป ยิ่งเมื่อเสริมด้วยบูติคโฮเต็ลศิลปะโรมันอันมีรสนิยมสูงยิ่งที่อยู่ติดๆกับกำแพงเมืองเลย
...งดงามอีกแล้ว (ไอ้เดชามึงจะพูดเป็นอยู่คำเดียวไม่ได้นะ)
ในเมือง ผมแวะชมวัดโลกโมฬีเป็นวัดแรก พอเดินเข้าไปถึงกับตะลึงกับซอฟพาวเวอร์
โอ้โห..รถจอดกันยาวเหยียดชิดพระวิหารไม่กี่เมตร ช่างเป็นกุศโลบายที่ยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร เผื่อคันไหนสักคันคันเร่งลั่นทิ่มเข้าไปในพระวิหาร จะได้สร้างใหม่ให้งามกว่าเดิมดั่งเช่นเมืองฟ้าเมืองสวรรค์
ปลื้มจนน้ำตาไหลอ่ะ..
เพื่อเพิ่มความโอ่อ่าอลังการเข้าไปอีก ใกล้ๆกันตรงประตูช้างเผือก ทางเมืองเชียงใหม่เลยกำลังสร้างสะพานซูตองเป้ 2 เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมโดยไม่ต้องไปถึงแม่ฮ่องสอน
ถึงจะไม่ใช่สะพานไม้ไผ่ยาวที่สุดในประเทศไทยอย่างเช่นของแทร่ แต่ก็เดินชมอย่างตื่นเต้นได้ไม่แพ้กัน ผมเห็นฝรั่งคนหนึ่งสะดุดหัวคะมำเกือบตกสะพานอ่ะครับ soft power by adventure!
เดินผ่านวัดอินทขีลสะดือเมือง ตอนแรกก็งงๆว่าเสาอินทขิลหลักเมืองเนี่ยมันอยู่วัดไหนกันแน่ เพราะจำได้ว่ามันอยู่วัดเจดีย์หลวง เช็คดูปรากฏว่าย้ายกันตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว อันนี้ไม่ติดใจ ขนาดขั้วโลกยังย้ายได้ ทำไมสะดือเมืองจะย้ายไม่ได้
ที่ติดใจคือนี่มันศาลเจ้าในโตเกียวใช่ไหม? โอ้..ศิลปะช่างไม่มีพรมแดน
หน้าวัดพันเตา นี่ก็อีก soft power คิวสามล้อจอดกันที่ป้ายห้ามจอดเลย แถมด้วยสตรีทอาร์ทบนเสาไฟและตู้ชุมสาย
Post-Modern Art ชัดๆ ล้ำจนผมเกือบตามไม่ทัน
วัดพันเตาซึ่งเดิมเป็นวัดแฝดกับวัดเจดีย์หลวง ภายในมีพระวิหารหอคำสร้างด้วยไม้สักทั้งหลังอายุเกือบสองร้อยปี ประดิษฐานพระเจ้าปันเต้า งดงามเหลือจะพรรณนา
แต่คุณสังเกตเห็นนาคของบันไดนาคหน้าพระวิหารดูแปลกๆไหมครับ? แต่เดิมไม่มีครับ จำที่ผมให้สังเกตนาคที่วัดต้นเกว๋นได้ไหมครับ ...นี่เขาเติมนาคให้เราได้ชมตรงนี้โดยไม่ต้องไปไกลแล้ว
ยังๆเขายังไม่เพียงให้เราเท่านี้ ..ยังมีมากกว่าในรูปต่อไป
นี่ครับช่างจากกรมศิลป์ใช้เทคโนโลยีล้ำยุคสำหรับปูนหัวนาค โดยใช้ปูนตราเสือส่งมาจากอนาคต 200 ปีข้างหน้า ไม่ต้องใช้เครื่องสั่นจี้ สัดส่วนซีเมนต์และการผสมลงตัวโดยอัตโนมัติ แถมยังเข้ากับโบราณสถานได้อย่างเนียนกลืนไร้รอยต่อ
(ผมดีใจแทบเสียสติเลยมโนเอาล้วนๆเรื่องปูน ..อย่าฟ้องผมเลยนะ)
วิหารของวัดเจดีย์หลวงที่อยู่ติดกันก็กำลังบูรณะอยู่เช่นเดียวกัน
(เสียงน้าค่อม)โอ้..ประกายโมเสคแลทองอร่ามช่างเจิดจ้าเสียเหลือเกิน
ณพระธาตุเจดีย์หลวง เจดีย์สูงสุดในศูนย์กลางอาณาจักรล้านนาอันยิ่งใหญ่มา 700 ปี
เราจึงผลิตซ้อฟเพาเวอร์รูปแบบใหม่ของโลก เอาผ้าห่มพระธาตุ มาให้ฝรั่งญี่ปุ่นเกาหลีจีนวาดการ์ตูนลงบนจีวร
ณจุดนี้ ใครยังกลั้นน้ำตาได้ ..คุณเก่งครับ
ฝรั่งคนก่อนหน้าวาดการ์ตูนปลาพระอาทิตย์ ส่วนคนนี้กำลังเขียนสารภาพรักให้แฟน คนเกาหลีก่อนหน้าวาดรูปกะดอม้า แต่ผมไม่กล้าถ่าย กลัวโดนตบ
ถ้าเขาเอาผ้าผืนนี้ไปห่มพระธาตุจริงๆ ..มันคงปลิวไสว
ขากลับเดินผ่านเสาอินทขีลซึ่งเขาห้ามสุภาพสตรีเข้า ผมก็เลยไม่เข้า
สักวัน ผมจะสร้างวัดเดชาวราราม ห้ามสุภาพบุรุษเข้า เพราะคุณทั้งหลายมีลึงค์ที่สามารถปล่อยน้ำอสุจิอันเป็นอวมงคล
(เออ..บางศาสนาก็คล้ายกันเนอะ เราทุกคนเกิดผ่านไอ้นั่นของสตรีที่มีประจำเดือน เราจึงมีบาปแต่กำเนิด)
Last stop คือประตูท่าแพ ไฮไลท์ของเชียงใหม่ นั่น Art Installation กลางแจ้งอีกแล้ว แบคโฮสีส้มแปร๋นหน้าประตูท่าแพ สีเข้ากันมาก
กระตุ้นให้ผมจินตนาการถึงกษัตริย์ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านนากำลังไสช้างสีส้มเพื่อปกปักรักษาประตูเมือง ..ดื่มด่ำเหลือเกิน
ยัง...ยังไม่เพียงเท่านั้น ถนนที่แบคโฮกำลังซ่อมก็ได้มีตีนประทับเป็นที่เรียบร้อย เป็นสัญลักษณ์ว่าครั้งหนึ่งเคยมีมนุษย์มาเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
อีกด้านหนึ่งของประตู กองถ่ายกำลังถ่ายหนัง ถึงแม้ผมจะอิ่มเอมใจกับ walking trip นี้แต่ก็หมดแรงกายจะเดินต่อเลยนั่งพักดูเขาถ่ายหนังอยู่ครู่ใหญ่
คิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อย คิดถึงความรักที่ผมมีต่อเมืองนี้ คิดถึง 40 กว่าปีก่อนที่มาครั้งแรก คิดถึงครั้งที่มากราบพระพุทธสิหิงค์ที่วัดพระสิงห์อันเป็นวัดประจำราศีเกิด
ขอโทษครับที่เดิมผมรู้จักที่รักของผมน้อยเกินไป..
ขณะนั่งรถกลับโรงแรม ผมผ่านกาดสวนแก้ว เห็นเศษซากแห่งความล่มสลายจากยุคโควิด เห็นใจว่าการเป็นเมืองท่องเที่ยวนั้นต้องพึ่งพาอะไร ต้องมีด้านอัปลักษณ์ยังไง
เพราะตอนผมกลับบ้านในกรุงเทพฯ ได้ลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นครั้งแรกแล้วเดินกลับปากซอย ผมก็เจออะไรอย่างนี้ในกรุงเทพฯเช่นกัน เราไม่ใช่ประเทศที่ให้เกียรติคนเดินดิน
ผมไม่ตำหนิเชียงใหม่หรอกครับ ผมพอเข้าใจที่มาที่ไป
อาสนะที่ว่างเปล่าในวัดต้นเกว๋น...
---
จริงๆมาเชียงใหม่คราวนี้ผมมาสอนเรื่อง levels of self custody หรือระดับของการปกครองตัวเอง แต่ไม่อยากบอกตอนแรกเพราะมันจะไขว้เขวกับเรื่องที่ผมชวนเที่ยว
การเป็นอาณานิคมนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ ไม่ได้ดีงามดั่งที่คนสิ้นคิดจำนวนมากยกย่องสรรเสริญ บาดแผลของการถูกกดขี่นั้นส่งผลลึกล้ำได้หลากหลาย
เชียงใหม่เดิมเป็นอาณาจักรงดงาม อันนี้แน่แท้ไม่มีใครเถียง แต่ในเมื่อล้มเหลวในการเป็นรัฐสมัยใหม่จนต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสยาม แม้กระทั่งการรวมประเทศก็ยังไม่กลืนสนิทสมบูรณ์ เชียงใหม่พยายามที่จะปรับตัว บางด้านทำได้ดีเยี่ยม บางด้านล้มลุกคลุกคลาน มีปัญหา identity confusion ให้เห็นทั่วไป
คงเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งอ่ะครับ เมื่อเธอยืนหยัดที่จะยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง แต่ก็กลัวไม่เป็นที่รัก ผมคงได้แต่บอกเธอว่า..
ผมรักคุณเสมอครับ ..ไม่ต้องกลัว
#siamstr #blockmountain #north101 #ChiangMai