Tung Khempila on Nostr: Know your enemies… นายใจ อึ้งภากรณ์ ...
Know your enemies…
นายใจ อึ้งภากรณ์ ได้กล่าวเอาไว้ในเว็ปไซด์ marxists.org
โดยนายใจกล่าวว่า เราต้องแยกแยะเผด็จการและคอมมิวนิสต์ให้ออกร่วมกันอย่างชัดเจน
โดยในบทความเรื่อง ทุนนิยมแห่งรัฐ ของนายใจ ถือว่าน่าสนใจทีเดียวในประเด็นที่เค้าต่อต้านอำนาจรัฐบาล และ กล่าวว่า รัฐบาลของนายคิมจองอึน รวมถึง สตาลินในอดีตว่าพวกนี้ นำไปสู่ลัทธิบูชาตัวบุคคล และ รัฐยังทำงานภายใต้กลไกตลาดและเศรษฐกิจอยู่
หรือ เรียกสั้นๆ “ทุนนิยมแห่งรัฐ” (State Capitalism)
บทความข้างต้น ที่นายใจกล่าวว่านั้นเป็นความจริงและตัวอุดมคติของพวกมาร์กซิส ดั้งเดิม ที่ต้องการทำลายระบบตลาด
ผมอยากนำเสนอเรื่องที่ว่า ทำไมเหล่าเผด็จการที่เรียกตัวเองว่าคอมมิวนิสต์ พวกนั้นถึงไม่สามารถปรับวิถีสู่มาร์กซิส หรือ คอมมิวนิส ถาวร หรือ ขนานแท้ ตามที่ คาร์ลมาร์ก ได้ กล่าวใน Communist Manefiesto และ ทำไม “ทุนนิยมแห่งรัฐ” จึงเกิดขึ้นเสมอ แม้แต่ตัวของรัฐเองก็เอาตัวเองออกจากการแลกเปลี่ยนในตลาดเสรี
โดยสาเหตุหลักๆ นั่น เป็นเพราะว่า โลกทั้งใบ ณ ช่วงนั้น ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนไปตามอุดมการณ์หรือทำให้ซานต้าครอสผู้แสนดีมีจริง ขึ้นมาได้
เพราะกลไกตลาด นั้นแหละคือตัวการและธรรมชาติ ในการแลกเปลี่ยนที่แท้จริง
บทเรียนนี้คือ Basic Ecomics ขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ว่า เราปรารถนาจะได้ในสิ่งที่เราต้องการโดยปัจเจกชน เพื่อปัจเจกชน ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียนที่เน้นไปทางปัจเจกชน อิสรนิยมชน (Economic Liberaization) เชื่อว่าการแลกเปลี่ยนของปัจเจกนั้นจะนำไปสู่ความเป็นมนุษยวิถีในความต้องการของเค้าผู้นั้น และ มือที่มองไม่เห็น(เดี๋ยวมาขยายความคำว่ามือที่มองไม่เห็นในวันที่อยากเขียน) นำไปสู่ความทะเยอทะยาน ของขีดความเป็นมนุษย์
ดังนั้นหากทรัพยากรณ์ของตัวรัฐเองมีไม่เพียงพอ จึงต้องเกิดการแลกเปลี่ยนขึ้นมาซึ่งรัฐก็จะเป็นผู้ดูแลทุนนั้นเอง เพื่อกระจายทรัพยากรณ์ไปสู่ประชาชน สิ่งเหล่านี้เมื่อ รวมศูนย์อำนาจแล้วจึงเป็นที่มาทำให้องค์กรณ์ของรัฐทั้งหมดมีอำนาจสูงสุดและนำไปสู่เผด็จการ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Anarcho-Communism นั้นเกิดขึ้นจริงไม่ได้
เมื่อคุณไม่สามารถทำลายกลไกทางตลาดลงได้ เพราะจะเกิดการแลกเปลี่ยนภายใต้เงาของมัจจุราช อย่างที่เห็นในเกาหลีเหนือ นั่นจึงนำไปสู่การปฏิวัติหลักการของฝ่ายซ้าย ณ ปัจจุบัน ประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจนั่นคือประเด็น “ด้านสังคม” ที่สังคมเรากำลังเผชิญอยู่คือ “ความเหลื่อมล้ำ”
ดังนั้นหลักการคอมมิวนิสต์อีกขั้นที่ว่าของสังคมปัจจุบันมีคือความเหลื่อมล้ำ และ เกิดการเกิดขึ้นของ Neo-Marxism Antonio Gramsci
เมื่อผู้นำมีอำนาจ หรือผู้ที่แสวงหาอำนาจผู้อื่น มักจะใช้เรื่องนี้เป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อแสวงหามัน และระบบที่ง่ายนั้นมาพร้อมเสรีภาพเทียม โดยอิสรภาพในการเลือกผู้นำ “ประชาธิปไตย”
“วาทะกรรม ความเหลื่อมล้ำ”
การปกป้องสังคมจากความเหลื่อมล้ำ นี่คือคำตอแหลตั้งแต่มาร์กซิสยันเคนเชี่ยน
มาร์กซิส ใช้เรื่อง Surplus Value หรือ มูลค่าของผลกำไรส่วนเกินจากการผลิตของแรงงานที่นายทุนได้รับไปนั้นเป็น ความเหลื่อมล้ำ ชนิดหาตัวจับได้ยาก และทำให้แรงงานและนายทุนนั้นไม่เท่ากันเพราะทรัพยากรณ์ธรรมชาติ มีแค่นิดเดียว แต่พวกนายทุนกลับหาผลประโยชน์โดยการขูดรีดแรงงานเหล่านี้
เช่นเดียวกันกับวาทะกรรมของนายจอน เมนาย์ดเคนส์ ที่พรรคเพื่อไทยใช้เป็นข้ออ้างหาเสียงอย่างทุกวันนี้คือภาวะเงินฝืดจากผลกระทบของรัฐบาลระยำของ พล.เอกประยุทธ์ ที่ทำให้คนจนมากขึ้นจากกฏหมายเอื้อพวกพ้อง ทำให้คนไม่สามารถเจริญเติบโตได้จากธุรกิจของปัจเจก ดังนั้นเราเลยต้อง กู้ กู้ กู้ กู้ แล้วไข่ไว้ให้ลูกหลานเรามาสานต่อ
พรรคที่ชนะเลือกตั้งอย่างพรรคก้าวไกล ได้เสนอนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการทำนโยบายรัฐสวัสดิการ แจกสามพันบาท จากงบภาษี ที่ไม่แน่ไม่นอนจากนายทุน และขึ้นค่าแรงเป็น 450 บาท ทันที (โชคดีที่ไม่ได้เป็น)
พรรคลุงและพวกพ้อง เสนอนโยบายแทรกแซงมันทุกอย่าง ตั้งแต่ สถาบันยันกัญชา หลังจากที่ทำมาแล้ว โดยเสนอว่าจะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและกฏหมายที่ตัวเองได้ทำไว้
คุณคิดว่าคนเหล่านี้แม่งตอแหลแค่ไหน กับ วาทะกรรมทางสังคมเหล่านี้
Economic inequality is feature of Free Market-Capitalism
เมื่อประเด็นทางสังคมมาถึงสินค้าสำคัญอย่างเงิน จึงมีบทบาท ทางเศรษฐกิจอย่างมาก
เพราะเมื่อการคัดสรรค์จากธรรมชาติมาถึง นั่นไม่ได้เป็นสิ่งบ่งบอกว่า ผู้ที่สร้างประโยชน์ให้กับตลาดเป็นจำนวนมากจะได้รับผลรับกลับคืนไป ไม่ว่าเค้าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี ขอเพียงแค่เค้าทำประโยชน์ให้กับตลาด
ดังนั้นสิ่งที่ผมมองว่าเราทุกคนควรจะมีคือ “ศีลธรรมแห่งความเป็นนาย” ตามที่นิทเช่ได้กล่าวไว้
เมื่อมีสิ่งจอมปลอมเข้ามาจากผู้ที่ปกครอง หรือเงินจอมปลอม ขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นจะเป็นแรงดึงดูดให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามา
คุณสามารถยกตัวอย่างแม่ค้าออนไลน์ ที่สร้างภาพ ขายของไร้คุณภาพ แต่มีรถสปอร์ตเงินฝากเป็นสิบล้าน จากการตระเวนด่าลูกค้า คุณสามารถเห็นการมีเซ็กกับคนแปลกหน้ากลายเป็นเรื่องธรรมดา คุณสามารถเห็นเด็กที่อ่อนแอทางด้านร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์และอาหารขยะ เต็มท้องถนน
อะไรคือ สิ่งที่ดีงามเมื่อสิ่งแปลกปลอมนั้นเล็ดลอดเข้ามา?
#siamstr
นายใจ อึ้งภากรณ์ ได้กล่าวเอาไว้ในเว็ปไซด์ marxists.org
โดยนายใจกล่าวว่า เราต้องแยกแยะเผด็จการและคอมมิวนิสต์ให้ออกร่วมกันอย่างชัดเจน
โดยในบทความเรื่อง ทุนนิยมแห่งรัฐ ของนายใจ ถือว่าน่าสนใจทีเดียวในประเด็นที่เค้าต่อต้านอำนาจรัฐบาล และ กล่าวว่า รัฐบาลของนายคิมจองอึน รวมถึง สตาลินในอดีตว่าพวกนี้ นำไปสู่ลัทธิบูชาตัวบุคคล และ รัฐยังทำงานภายใต้กลไกตลาดและเศรษฐกิจอยู่
หรือ เรียกสั้นๆ “ทุนนิยมแห่งรัฐ” (State Capitalism)
บทความข้างต้น ที่นายใจกล่าวว่านั้นเป็นความจริงและตัวอุดมคติของพวกมาร์กซิส ดั้งเดิม ที่ต้องการทำลายระบบตลาด
ผมอยากนำเสนอเรื่องที่ว่า ทำไมเหล่าเผด็จการที่เรียกตัวเองว่าคอมมิวนิสต์ พวกนั้นถึงไม่สามารถปรับวิถีสู่มาร์กซิส หรือ คอมมิวนิส ถาวร หรือ ขนานแท้ ตามที่ คาร์ลมาร์ก ได้ กล่าวใน Communist Manefiesto และ ทำไม “ทุนนิยมแห่งรัฐ” จึงเกิดขึ้นเสมอ แม้แต่ตัวของรัฐเองก็เอาตัวเองออกจากการแลกเปลี่ยนในตลาดเสรี
โดยสาเหตุหลักๆ นั่น เป็นเพราะว่า โลกทั้งใบ ณ ช่วงนั้น ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนไปตามอุดมการณ์หรือทำให้ซานต้าครอสผู้แสนดีมีจริง ขึ้นมาได้
เพราะกลไกตลาด นั้นแหละคือตัวการและธรรมชาติ ในการแลกเปลี่ยนที่แท้จริง
บทเรียนนี้คือ Basic Ecomics ขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ว่า เราปรารถนาจะได้ในสิ่งที่เราต้องการโดยปัจเจกชน เพื่อปัจเจกชน ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียนที่เน้นไปทางปัจเจกชน อิสรนิยมชน (Economic Liberaization) เชื่อว่าการแลกเปลี่ยนของปัจเจกนั้นจะนำไปสู่ความเป็นมนุษยวิถีในความต้องการของเค้าผู้นั้น และ มือที่มองไม่เห็น(เดี๋ยวมาขยายความคำว่ามือที่มองไม่เห็นในวันที่อยากเขียน) นำไปสู่ความทะเยอทะยาน ของขีดความเป็นมนุษย์
ดังนั้นหากทรัพยากรณ์ของตัวรัฐเองมีไม่เพียงพอ จึงต้องเกิดการแลกเปลี่ยนขึ้นมาซึ่งรัฐก็จะเป็นผู้ดูแลทุนนั้นเอง เพื่อกระจายทรัพยากรณ์ไปสู่ประชาชน สิ่งเหล่านี้เมื่อ รวมศูนย์อำนาจแล้วจึงเป็นที่มาทำให้องค์กรณ์ของรัฐทั้งหมดมีอำนาจสูงสุดและนำไปสู่เผด็จการ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Anarcho-Communism นั้นเกิดขึ้นจริงไม่ได้
เมื่อคุณไม่สามารถทำลายกลไกทางตลาดลงได้ เพราะจะเกิดการแลกเปลี่ยนภายใต้เงาของมัจจุราช อย่างที่เห็นในเกาหลีเหนือ นั่นจึงนำไปสู่การปฏิวัติหลักการของฝ่ายซ้าย ณ ปัจจุบัน ประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจนั่นคือประเด็น “ด้านสังคม” ที่สังคมเรากำลังเผชิญอยู่คือ “ความเหลื่อมล้ำ”
ดังนั้นหลักการคอมมิวนิสต์อีกขั้นที่ว่าของสังคมปัจจุบันมีคือความเหลื่อมล้ำ และ เกิดการเกิดขึ้นของ Neo-Marxism Antonio Gramsci
เมื่อผู้นำมีอำนาจ หรือผู้ที่แสวงหาอำนาจผู้อื่น มักจะใช้เรื่องนี้เป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อแสวงหามัน และระบบที่ง่ายนั้นมาพร้อมเสรีภาพเทียม โดยอิสรภาพในการเลือกผู้นำ “ประชาธิปไตย”
“วาทะกรรม ความเหลื่อมล้ำ”
การปกป้องสังคมจากความเหลื่อมล้ำ นี่คือคำตอแหลตั้งแต่มาร์กซิสยันเคนเชี่ยน
มาร์กซิส ใช้เรื่อง Surplus Value หรือ มูลค่าของผลกำไรส่วนเกินจากการผลิตของแรงงานที่นายทุนได้รับไปนั้นเป็น ความเหลื่อมล้ำ ชนิดหาตัวจับได้ยาก และทำให้แรงงานและนายทุนนั้นไม่เท่ากันเพราะทรัพยากรณ์ธรรมชาติ มีแค่นิดเดียว แต่พวกนายทุนกลับหาผลประโยชน์โดยการขูดรีดแรงงานเหล่านี้
เช่นเดียวกันกับวาทะกรรมของนายจอน เมนาย์ดเคนส์ ที่พรรคเพื่อไทยใช้เป็นข้ออ้างหาเสียงอย่างทุกวันนี้คือภาวะเงินฝืดจากผลกระทบของรัฐบาลระยำของ พล.เอกประยุทธ์ ที่ทำให้คนจนมากขึ้นจากกฏหมายเอื้อพวกพ้อง ทำให้คนไม่สามารถเจริญเติบโตได้จากธุรกิจของปัจเจก ดังนั้นเราเลยต้อง กู้ กู้ กู้ กู้ แล้วไข่ไว้ให้ลูกหลานเรามาสานต่อ
พรรคที่ชนะเลือกตั้งอย่างพรรคก้าวไกล ได้เสนอนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการทำนโยบายรัฐสวัสดิการ แจกสามพันบาท จากงบภาษี ที่ไม่แน่ไม่นอนจากนายทุน และขึ้นค่าแรงเป็น 450 บาท ทันที (โชคดีที่ไม่ได้เป็น)
พรรคลุงและพวกพ้อง เสนอนโยบายแทรกแซงมันทุกอย่าง ตั้งแต่ สถาบันยันกัญชา หลังจากที่ทำมาแล้ว โดยเสนอว่าจะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและกฏหมายที่ตัวเองได้ทำไว้
คุณคิดว่าคนเหล่านี้แม่งตอแหลแค่ไหน กับ วาทะกรรมทางสังคมเหล่านี้
Economic inequality is feature of Free Market-Capitalism
เมื่อประเด็นทางสังคมมาถึงสินค้าสำคัญอย่างเงิน จึงมีบทบาท ทางเศรษฐกิจอย่างมาก
เพราะเมื่อการคัดสรรค์จากธรรมชาติมาถึง นั่นไม่ได้เป็นสิ่งบ่งบอกว่า ผู้ที่สร้างประโยชน์ให้กับตลาดเป็นจำนวนมากจะได้รับผลรับกลับคืนไป ไม่ว่าเค้าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี ขอเพียงแค่เค้าทำประโยชน์ให้กับตลาด
ดังนั้นสิ่งที่ผมมองว่าเราทุกคนควรจะมีคือ “ศีลธรรมแห่งความเป็นนาย” ตามที่นิทเช่ได้กล่าวไว้
เมื่อมีสิ่งจอมปลอมเข้ามาจากผู้ที่ปกครอง หรือเงินจอมปลอม ขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นจะเป็นแรงดึงดูดให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามา
คุณสามารถยกตัวอย่างแม่ค้าออนไลน์ ที่สร้างภาพ ขายของไร้คุณภาพ แต่มีรถสปอร์ตเงินฝากเป็นสิบล้าน จากการตระเวนด่าลูกค้า คุณสามารถเห็นการมีเซ็กกับคนแปลกหน้ากลายเป็นเรื่องธรรมดา คุณสามารถเห็นเด็กที่อ่อนแอทางด้านร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์และอาหารขยะ เต็มท้องถนน
อะไรคือ สิ่งที่ดีงามเมื่อสิ่งแปลกปลอมนั้นเล็ดลอดเข้ามา?
#siamstr