What is Nostr?
/ สมองเล็ก เต็ดเดียว
npub18sj…7syq
2024-05-03 08:35:58

สมองเล็ก เต็ดเดียว on Nostr: ประวัติศาสตร์ “ภาษี” “ภาษี” ...

ประวัติศาสตร์ “ภาษี”

“ภาษี” คือสิ่งที่ประชาชนทุกคนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเงินที่จ่ายนั้น ก็คือเงินที่นำไปใช้ในการบริหารและพัฒนาประเทศ ทำให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้

แต่ภาษีนั้นมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร? เก่าแก่แค่ไหน?

ลองมาหาคำตอบกันครับ

อันที่จริงนั้น ภาษีนั้นอยู่คู่กับประวัติศาสตร์โลกมานานมากแล้ว มีมาก่อนเงินเหรียญซะอีก และภาษีก็อาจจะอยู่ในรูปแบบต่างๆ

ในสมัยเมโสโปเตเมียโบราณ ก็มีการจ่ายภาษีแบบแปลกๆ

ถ้าให้ยกตัวอย่าง การจะฝังศพคนตายนั้นจะต้องจ่ายภาษีเป็นเบียร์เจ็ดถัง ขนมปัง 420 ก้อน ข้าวบาร์เลย์สองบุชเชล เสื้อคลุมขนสัตว์ แพะ และก็เตียง

และยังมีบันทึกว่าเมื่อ 2,000-1,800 ปีก่อนคริสตกาล ก็มีชายผู้หนึ่งจ่ายภาษีเป็นไม้กวาดจำนวน 18,880 อัน ท่อนซุงอีกหกท่อน

ทางด้านอียิปต์โบราณ ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในอารยธรรมแรกๆ ที่มีระบบการจัดเก็บภาษีแบบเป็นระบบ โดยเริ่มมีการพัฒนาเมื่อราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล

พระประมุขแห่งอียิปต์ในยุคแรกๆ ทรงสนพระทัยในเรื่องของภาษีเป็นอย่างมาก โดยจะเสด็จไปทั่วดินแดนพร้อมผู้ติดตามเพื่อทำการประเมินการจัดเก็บภาษี โดยดูจากสิ่งที่ประชาชนถือครอง เช่น น้ำมัน เบียร์ เครื่องเซรามิก ฝูงวัว และพืชผล จากนั้นก็ทำการเก็บภาษี

ว่ากันว่าในยุคราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์ (Old Kingdom of Egypt) อียิปต์สามารถจัดเก็บภาษีได้เป็นจำนวนมาก มากซะจนสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ได้หลายโครงการ เช่น “มหาพีระมิดแห่งกีซา (Great Pyramid of Giza)”

ระบบการจัดเก็บภาษีในอียิปต์นั้นมีวิวัฒนาการมาตลอด 3,000 ปี โดยในยุคราชอาณาจักรใหม่ (New Kingdom of Egypt) ทางการอียิปต์ก็ได้หาวิธีการเก็บภาษีก่อนที่ประชาชนจะได้รับค่าตอบแทนซะอีก นั่นคือการสร้างนวัตกรรมที่เรียกว่า “นิโลมิเตอร์ (Nilometer)”

นิโลมิเตอร์ เป็นนวัตกรรมในการวัดระดับน้ำในแม่น้ำไนล์ในแต่ละปี โดยหากระดับน้ำนั้นต่ำ ภาษีก็จะต่ำไปด้วย เนื่องจากคาดว่าการเพาะปลูกก็อาจจะได้ผลไม่ดีนัก ภัยแล้ง แต่หากระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ก็คิดได้ว่าการเพาะปลูกน่าจะได้ผลดี อุดมสมบูรณ์ ภาษีก็จะสูงขึ้น

ทางด้านอินเดีย ในสมัยราชวงศ์โมริยะ (Maurya Empire) เมื่อสมัย 321-185 ปีก่อนคริสตกาล ในแต่ละปี ก็ได้มีการจัดการแข่งขันโดยผู้ชนะจะได้รับการงดเว้นภาษี

การแข่งขันนั้นจะเป็นการแข่งกันหาวิธีแก้ปัญหาของรัฐบาล หากวิธีของใครได้รับเลือก บุคคลนั้นจะได้รับการงดเว้นภาษีตลอดชีวิต

มาทางด้านโรมัน “จักรพรรดิเวสปาเซียน (Vespasian)” จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมัน ทรงเป็นผู้หาเงินเข้าประเทศด้วยภาษีบางอย่าง

ในสมัยโรมันโบราณ แอมโมเนียคือสิ่งล้ำค่า สามารถนำไปใช้ทำความสะอาดดินและสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้า ช่างฟอกหนังก็สามารถนำไปทำเครื่องหนัง ชาวนาก็นำไปทำปุ๋ย และผู้คนก็สามารถนำไปใช้กับฟัน ทำให้ฟันขาว

และแอมโมเนียเหล่านี้ก็มาจาก “ปัสสาวะ“

ปัสสาวะจำนวนมากนั้นก็ไปเก็บมาจากห้องน้ำสาธารณะ และรัฐบาลก็หาวิธีการเก็บภาษีจนได้ นั่นคือการเก็บภาษีปัสสาวะ

การเก็บภาษีปัสสาวะนี้ได้รับการต่อต้านจากชนชั้นสูงบางส่วนในโรมัน หากแต่จักรพรรดิเวสปาเซียนก็ทรงมีรับสั่งตอบว่า

“เงินไม่เหม็น”

มาที่จักรวรรดิแอซเท็ก ในช่วงที่จักรวรรดิแอซเท็กรุ่งเรืองสุดขีดในสมัยศตวรรษที่ 15 และ 16 จักรวรรดิแอซเท็กเป็นดินแดนที่ร่ำรวยมั่งคั่ง สาเหตุก็มาจากการที่สามารถเก็บภาษีได้เป็นจำนวนมาก

ภาษีที่้เก็บได้ทั้งหมดจะถูกส่งเข้าสู่รัฐบาลกลาง และรัฐบาลกลางก็จะมีบันทึกที่บันทึกไว้หมดว่าใครส่งอะไรมาบ้าง ซึ่งบันทึกเหล่านั้นบางส่วนก็ยังหลงเหลือจนถึงทุกวันนี้

ในบันทึกบางฉบับก็มีการระบุว่ามีการเก็บหนังเสือ หินล้ำค่า ข้าวโพด โกโก้ ลูกแก้ว ทองคำแท่ง น้ำผึ้ง เกลือ และผ้าต่างๆ ได้เป็นจำนวนเท่าไร

ทางด้านรัสเซีย ในปีค.ศ.1698 (พ.ศ.2241) “จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great)” พระประมุขแห่งรัสเซีย ได้ทรงคิดถึงวิธีการที่จะทำให้รัสเซียดูทันสมัย ดูเจริญหูเจริญตาเหมือนประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตก เข้ากับยุคสมัยใหม่

จักรพรรดิปีเตอร์มหาราชจึงทรงมีรับสั่งให้เก็บ “ภาษีหนวด” แก่ประชาชนที่ต้องการไว้หนวด

ชายชาวรัสเซียที่ต้องการจะไว้หนวดจะต้องจ่ายภาษีหนวด โดยชาวไร่ชาวนาก็จ่ายราคาหนึ่ง ขุนนางและพ่อค้าก็อีกราคาหนึ่ง โดยนี่ก็เป็นกุศโลบายที่จะให้ชายชาวรัสเซียโกนหนวด ให้ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ดูเข้ากับยุคสมัยใหม่

ชายที่จ่ายภาษีจะได้รับเครื่องหมายแสดงว่าตนได้ชำระภาษีแล้ว และต้องพกเครื่องหมายนี้ติดตัวตลอดเวลาเพื่อแสดงว่าตนได้จ่ายภาษีแล้ว

แต่สุดท้าย ภาษีหนวดนี้ก็ถูกยกเลิกไปในปีค.ศ.1772 (พ.ศ.2315)

นี่ก็เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของภาษีจากดินแดนต่างๆ ในประวัติศาสตร์

---

#siamstr
Author Public Key
npub18sjtm2h983eqeg36la0gegwtemqcy2z8dhh3epsfz4ee0fvvg3rsqc7syq