What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-02-01 15:58:34

maiakee on Nostr: ...



🍃ตถาคตบริโภคธรรมใดก่อนตรัสรู้ ทำให้มีสภาวะหยั่งรู้ธรรมทั้งหลาย และบริโภคหลังตรัสรู้จนปรินิพพาน

อานาปานสติ: หนทางสู่ความหลุดพ้นและตถาคตวิหารธรรม

1. ความสำคัญของอานาปานสติ

อานาปานสติเป็นการเจริญสติด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออก ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็น “ทางสายตรง” ที่นำไปสู่การตรัสรู้และความหลุดพ้น

พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน อานาปานสติสูตร (พระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ มัชฌิมนิกาย) ว่า

“ภิกษุทั้งหลาย! อานาปานสติภาวนา เมื่อทำให้มาก เจริญให้มากแล้ว ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ สติปัฏฐาน ๔ เมื่อทำให้มาก เจริญให้มากแล้ว ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ โพชฌงค์ ๗ เมื่อทำให้มาก เจริญให้มากแล้ว ย่อมยังวิมุตติ ญาณทัสสนะ ให้บริบูรณ์”

ดังนั้น อานาปานสติเป็นพื้นฐานที่ทำให้เกิด สติปัฏฐาน 4 จากนั้นพัฒนา โพชฌงค์ 7 ซึ่งนำไปสู่ วิมุตติ (ความหลุดพ้น) ได้

2. วิธีปฏิบัติอานาปานสติ (16 ขั้นตอน) พร้อมพุทธพจน์

อานาปานสติแบ่งออกเป็น 4 หมวด รวม 16 ขั้นตอน โดยอ้างอิงจาก อานาปานสติสูตร

หมวดที่ 1: กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การพิจารณากาย)
1. “หายใจเข้ายาว รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาว รู้ชัดว่าหายใจออกยาว”
2. “หายใจเข้าสั้น รู้ชัดว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้น รู้ชัดว่าหายใจออกสั้น”
3. “รู้ทั่วทั้งกายขณะหายใจเข้า รู้ทั่วทั้งกายขณะหายใจออก”
4. “ทำกายให้สงบขณะหายใจเข้า ทำกายให้สงบขณะหายใจออก”

หมวดที่ 2: เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การพิจารณาความรู้สึก)
5. “หายใจเข้า มีปีติ หายใจออก มีปีติ”
6. “หายใจเข้า มีสุข หายใจออก มีสุข”
7. “หายใจเข้า รู้ชัดจิต หายใจออก รู้ชัดจิต”
8. “หายใจเข้า ทำจิตให้สงบ หายใจออก ทำจิตให้สงบ”

หมวดที่ 3: จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การพิจารณาจิต)
9. “หายใจเข้า ทำจิตให้เบิกบาน หายใจออก ทำจิตให้เบิกบาน”
10. “หายใจเข้า ทำจิตให้ตั้งมั่น หายใจออก ทำจิตให้ตั้งมั่น”
11. “หายใจเข้า ทำจิตให้หลุดพ้น หายใจออก ทำจิตให้หลุดพ้น”
12. “หายใจเข้า ทำจิตให้ปล่อยวาง หายใจออก ทำจิตให้ปล่อยวาง”

หมวดที่ 4: ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การพิจารณาธรรม)
13. “พิจารณาอนิจจัง ขณะหายใจเข้าและออก”
14. “พิจารณาวิเวก ขณะหายใจเข้าและออก”
15. “พิจารณานิโรธ ขณะหายใจเข้าและออก”
16. “พิจารณาวิมุตติ ขณะหายใจเข้าและออก”

สรุป: การเจริญอานาปานสติอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิด สมาธิ (จิตตั้งมั่น) เมื่อสมาธิมั่นคง จะสามารถใช้ปัญญาพิจารณา ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ซึ่งนำไปสู่ วิมุตติ ได้

3. อานาปานสติทำให้วิมุตติได้อย่างไร?

3.1 อานาปานสติทำให้ละนิวรณ์ 5
1. กามฉันทะ (ความยินดีในกาม) → พิจารณากายานุปัสสนา
2. พยาบาท (ความโกรธ) → ฝึกเมตตาภาวนา ควบคู่กับอานาปานสติ
3. ถีนมิทธะ (ความง่วงซึม) → ใช้ลมหายใจช่วยกระตุ้นสติ
4. อุทธัจจะกุกกุจจะ (ฟุ้งซ่าน-รำคาญใจ) → ใช้ลมหายใจช่วยจดจ่อกับปัจจุบัน
5. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) → ใช้ปัญญาพิจารณาความเป็นจริงของสภาวะธรรม

3.2 การทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์

เมื่ออานาปานสติทำให้สติปัฏฐาน 4 สมบูรณ์ จะทำให้ โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ ซึ่งนำไปสู่ วิมุตติ

“ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่ออานาปานสติ เจริญดีแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมนำไปสู่โพชฌงค์ 7 โดยตรง และเมื่อนำไปสู่โพชฌงค์ 7 แล้ว ย่อมนำไปสู่วิมุตติได้” (พระไตรปิฎก มัชฌิมนิกาย)

4. โพชฌงค์ 7 และเส้นทางสู่วิมุตติ

โพชฌงค์ 7 (องค์แห่งการตรัสรู้) เป็นธรรมที่เกื้อกูลแก่การตรัสรู้และนำไปสู่ วิมุตติ (ความหลุดพ้นจากกิเลส) พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า

“ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อภิกษุเจริญและกระทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 ย่อมทำให้วิชชาและวิมุตติบริบูรณ์”
(โพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)

4.1 โพชฌงค์ 7 มีอะไรบ้าง?
1. สติสัมโพชฌงค์ (สติระลึกรู้)
สติคือความสามารถในการระลึกถึงสภาวธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่หลงลืม มีสติในกาย เวทนา จิต และธรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเจริญปัญญา
“ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อภิกษุมีสติ ย่อมรู้แจ้งซึ่งกาย เวทนา จิต และธรรม”
(สติสัมโพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)
2. ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ (การพิจารณาธรรม)
เมื่อมีสติแล้วต้องใช้ปัญญาพิจารณาธรรมตามความเป็นจริง พิจารณาไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) และอริยสัจ 4 เพื่อให้เกิดปัญญา
“ผู้พิจารณาธรรมอย่างแยบคาย ย่อมเห็นธรรมตามความเป็นจริง”
(มหาสติปัฏฐานสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 10 มัชฌิมนิกาย)
3. วิริยะสัมโพชฌงค์ (ความเพียรปรารภความเพียร)
วิริยะเป็นความเพียรในการละอกุศลธรรมและเจริญกุศลธรรม เมื่อมีความเพียรแล้ว ย่อมไม่ท้อถอยในการปฏิบัติธรรม
“ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผู้มีความเพียร ย่อมนำพาตนไปสู่การรู้แจ้ง”
(วิริยสัมโพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)
4. ปีติสัมโพชฌงค์ (ความอิ่มเอิบเบิกบานใจ)
เมื่อมีสติ พิจารณาธรรม และตั้งใจปฏิบัติ จะเกิดปีติ ความอิ่มเอิบใจในการปฏิบัติธรรม ซึ่งช่วยให้จิตเป็นสุข
“ผู้เจริญโพชฌงค์ย่อมเกิดปีติ ย่อมแผ่ซ่านไปทั่วสรีระ”
(ปีติสัมโพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)
5. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ (ความสงบกายและจิต)
เมื่อเกิดปีติ จิตจะค่อยๆ สงบลง ปัสสัทธิคือความสงบทั้งกายและจิต ช่วยให้จิตตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน
“ภิกษุทั้งหลาย ! ผู้ที่มีปัสสัทธิ ย่อมมีจิตสงบเย็น ไม่ฟุ้งซ่าน”
(ปัสสัทธิสัมโพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)
6. สมาธิสัมโพชฌงค์ (จิตตั้งมั่น)
เมื่อจิตสงบแล้วจะเข้าสู่ภาวะของสมาธิ เป็นจิตที่แน่วแน่ ไม่หวั่นไหวต่อกิเลส สมาธิทำให้เกิดญาณเห็นแจ้ง
“จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้ จิตที่ตั้งมั่น ย่อมรู้แจ้งธรรม”
(สมาธิสัมโพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)
7. อุเบกขาสัมโพชฌงค์ (ความวางเฉยอันเป็นกลาง)
อุเบกขาคือภาวะจิตที่เป็นกลาง ไม่เอนเอียงด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เป็นจิตที่สงบจากความยินดียินร้าย และตั้งมั่นในธรรม
“ภิกษุทั้งหลาย ! อุเบกขาย่อมนำจิตให้หลุดพ้นจากอาสวะ”
(อุเบกขาสัมโพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)

4.2 โพชฌงค์ 7 นำไปสู่วิมุตติได้อย่างไร?

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “โพชฌงค์ 7 เป็นอริยมรรคที่นำไปสู่วิมุตติ”
1. เริ่มจากสติสัมโพชฌงค์
• ใช้สติระลึกถึงกาย เวทนา จิต และธรรม
• เป็นรากฐานของการภาวนา
2. พิจารณาธรรมด้วยปัญญา (ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์)
• เมื่อมีสติ ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์
• เห็นความไม่เที่ยง ความทุกข์ และความไม่มีตัวตน
3. ปรารภความเพียร (วิริยะสัมโพชฌงค์)
• เมื่อเข้าใจธรรมแล้ว ต้องมีความเพียรละกิเลส
• ไม่หย่อน ไม่ตึงเกินไป
4. เกิดปีติ (ปีติสัมโพชฌงค์) และความสงบ (ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์)
• ปีติช่วยให้จิตเบิกบาน ไม่หดหู่
• ปัสสัทธิทำให้จิตสงบ เยือกเย็น
5. เข้าสู่สมาธิ (สมาธิสัมโพชฌงค์)
• เมื่อจิตสงบ จะเข้าสู่สมาธิระดับสูง
• เป็นจิตที่ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว
6. อุเบกขา (อุเบกขาสัมโพชฌงค์) นำไปสู่วิมุตติ
• เมื่อสมาธิถึงที่สุด จิตจะเกิดอุเบกขา
• เป็นจิตที่ปล่อยวางโดยสมบูรณ์
• นำไปสู่การ ละสังโยชน์ และเข้าสู่ นิพพาน

พระพุทธองค์ตรัสว่า

“ภิกษุทั้งหลาย ! ผู้เจริญโพชฌงค์ 7 ย่อมนำไปสู่วิมุตติ ญาณทัสสนะ”
(โพชฌงคสูตร, พระไตรปิฎก เล่ม 14 สังยุตตนิกาย)


โพชฌงค์ 7 เป็นเส้นทางของการรู้แจ้ง เริ่มจาก สติ พิจารณาธรรมอย่างแยบคาย มีความเพียร เกิดปีติและความสงบ จิตตั้งมั่น และสุดท้ายเกิดอุเบกขา เมื่อองค์แห่งโพชฌงค์สมบูรณ์ วิมุตติ (ความหลุดพ้น) ก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ นี่จึงเป็นเส้นทางที่พระพุทธองค์ทรงใช้ในการตรัสรู้ และทรงแนะนำให้สาวกทั้งหลายปฏิบัติตาม

5. ทำไมตถาคตถึงบริโภคธรรมนี้?

1. อานาปานสติคือที่พึ่งของตถาคต
พระพุทธองค์ทรงใช้ อานาปานสติเป็นวิหารธรรม หรือเป็น ที่อยู่ของพระองค์ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้จิตตั้งมั่นและไม่ถูกรบกวน

พระองค์ตรัสว่า

“ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุผู้มีสติ มีสัมปชัญญะ อยู่ในปัจจุบัน ย่อมพ้นจากความเศร้าโศก ย่อมพ้นจากความเร่าร้อนแห่งจิต” (มหาสติปัฏฐานสูตร)

2. อานาปานสติช่วยให้พระองค์ทรงตรัสรู้
ขณะที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ พระองค์ทรงเจริญ อานาปานสติสมาธิ จนบรรลุ ญาณทัสสนะ

“เราได้ตั้งสติไว้ที่ลมหายใจ แล้วเราก็เห็นแจ้งในธรรม เราได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ” (มหาสัจจกสูตร)

3. อานาปานสติคือธรรมที่พระองค์ทรงแนะนำให้สาวกปฏิบัติ

“ภิกษุทั้งหลาย ! อานาปานสติภาวนา เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งจิต เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์” (อานาปานสติสูตร)

6. สรุป: อานาปานสติเป็นเส้นทางสู่วิมุตติ
1. อานาปานสติ → ทำให้ สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์
2. สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ → ทำให้ โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์
3. โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ → นำไปสู่ วิมุตติ ญาณทัสสนะ

นี่จึงเป็นเหตุที่พระพุทธองค์ทรง “บริโภคธรรมนี้” และแนะนำให้สาวกทั้งหลายดำเนินตาม

#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2