Flvke.fix on Nostr: “แค่จะบอกความลับว่า ...
“แค่จะบอกความลับว่า จริงๆแล้วคุณไม่ต้องเทรดก็ได้“
ประโยคน้ำเสียงนุ่ม แต่กระตุกจิตกระชากใจ ในวันที่กำลังหลงทางไปในช่วงเวลาแห่งความ FOMO
ก่อนหน้านั้นหลายเดือน กระแส“คริปโต”กำลังมา คนรอบตัวต่างพูดถึงมันเต็มไปหมด แม้แต่ป้าร้านอาหารตามสั่ง เพื่อนหลายคนอยู่ดีๆก็กลายเป็นนักเทรด แต่ละคนโชว์พอร์ทที่ทำกำไรได้จากตลาดนี้ ผมเกิดความอยากรู้อยากลองสักหน่อย “หรือนี่มันจะเป็นทางลัดให้เราเปลี่ยนฐานะทางสังคมได้วะ” ความคิดในหัวที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นบอก เลยไม่รอช้าสมัครแอปเขียวลองซื้อมันซักเหรียญซิ จัดไปดิ ETH ด้วยความที่ตลาดกำลัง hype ซื้ออะไรมันก็ขึ้นหมด เริ่มได้ใจ ก็ไปหาต่อ ตัวไหนมา ตัวไหนมูน ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกเช้ามาเปิดยูทูปช่องคริปโต เล่าข่าวบ้าง วิเคราะห์กราฟบ้าง แล้วก็ตามเขาไป จนถึงขั้นอยากลงคอร์สสอนดู Elliott Wave ไรงี้เลย แต่ก็ยังไม่มีเงินเรียน แต่ก็หาดูคลิปสอนฟรีในYT ไปแบบสุ่มๆ ซึ่งก็ไม่ได้รู้เรื่องเท่าไหร่หรอก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นคำถามในใจว่า นี่เราจำเป็นต้องมาเรียนรู้ศาสตร์พวกนี้จริงๆใช่ไหม เพื่อจะรอดจากเงินเฟ้อ เพื่อจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี หรือเพื่อแค่จะอยู่รอดไปวันๆ มันจะต้องมีความรู้ขนาดนี้เลยหรือ ทุกคนที่ทำงานทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ทุกวันนี้ต้องมีเวลามาศึกษาเรื่องนี้จริงๆหรือ ภาพอนาคตคือทุกคนเปิดกราฟในมือถือ กดซื้อ-ขายกันตลอดเวลาเพื่อทำกำไรหรอ แบบนี้มันไม่ถูกหรือเปล่า
นอกจากคำถามในใจที่เกิดขึ้นแล้ว อีกอย่างที่ได้จากการท่องไปในแพลตฟอร์มที่คอยสอดส่องการกระทำของเราอยู่ตลอดก็คือ ข้อมูลพฤติกรรมของผมถูกป้อนให้ Algorithm ได้เอาไปวิเคราะห์อย่างดี มันจึงพร้อมเสริฟเนื้อหาประเภทนี้ทุกครั้งที่ผมกดเข้าไป ซึ่งมันก็มีผลทำให้เหตุการณ์หนึ่งที่โคตรสำคัญกับชีวิตผมเกิดขึ้น คงเป็นโชคดีที่ Algorithm มันเลือกคลิปหนึ่งมาให้ “Bitcoin Talk #99 asset allocation” ชื่อคลิปน่าสนใจแฮะ คนเราอยากจะลงทุนก็ต้องมีความรู้เรื่องนี้บ้างแหละ ไหนขอฟังสักหน่อย จนถึงนาทีที่ 22:24 “แค่จะบอกความลับว่า จริงๆแล้วคุณไม่ต้องเทรดก็ได้“ ประโยคนี้ตอบคำถามในใจที่เกิดขึ้นตอนนั้นได้ดีทีเดียว มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทุกคนจะมาเป็น trader เป็น speculator กันหมดเพื่อจะมีเงินพอสำหรับการยังชีพในแต่ละวัน เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นสังคมจะไปเกิด productivity ขึ้นมาได้ยังไงในเมื่อทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตามองกราฟเก็งกำไรอยู่ คนที่ไม่ยอมปรับตัวมาเป็นนักเก็งกำไรจะอยู่รอดไม่ได้เพราะเงินที่เค้าเก็บไว้มันต้านเงินเฟ้อไม่ได้ เค้าต้องหันมาลงทุนถึงจะรอด แล้วจะเอาแรงเอาเวลาที่ไหนมาสร้างงาน สร้างบริการ สุดท้ายจะเหลือใครที่สร้างคุณค่าให้สังคมมนุษย์
เมื่อมองย้อนกลับมาหาตัวเองที่ตอนนั้นยังเรียนมหาลัยยังไม่จบด้วยซ้ำ และในอนาคตลำพังแค่งานหลักหลังจากเรียนจบคงสร้างรายได้ไม่พอจะทำให้ชีวิตมันดีขึ้นกว่านี้ได้ ยิ่งถ้ามองระยะยาว เงินเฟ้อมันเอาผมจมดินแน่ แล้วทำไงจะรอดล่ะ หันไปทางไหนก็มีแต่คนบอกว่าต้องลงทุน ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี แถมกระแสสุด high-time preference ที่กำลังมา อย่าง “เกษียณเร็วต้องมีกี่ล้าน” “อายุเท่านี้ต้องมี 1 2 3 4” หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็โคตรจะกดดันผมลงไปอีก ทีนี้ถ้าจะต้องแบ่งหัวสมองมาคิดวางแผนแล้วว่าจะลงทุนอะไร ท่าไหน ยังไง ที่จะทำให้มีกำไรมากพอจะรอดจากวงจรอุบาทนี้ มันอาจจะต้องแลกกับประสิทธิภาพการเรียนในตอนนั้นที่ลดลง และในอนาคตก็คงต้องแลกกับการทำงานขาดคุณภาพด้วยหรือเปล่า
แต่เพราะประโยคนั้นที่ดึงสติผมไว้ ทำให้ผมได้กลับมาทบทวนใหม่ ผมไม่ต้องรีบรวยแล้ว ไม่ต้องกังวลว่ามันจะขาดทุนเท่าไหร่ กราฟมันจะขึ้นจะลง กินอิ่มนอนหลับได้ เพียงแค่ต้องเก็บออมให้ถูกที่ เก็บไว้เป็นเงินที่สามารถรักษามูลค่าผ่านกาลเวลาได้และไม่มีใครสามารถควบคุมมูลค่าของมันได้ เงินที่จะไม่หักหลังคนที่รู้จักเก็บออม มันทำให้ time preference ค่อยๆลดต่ำลง พอไม่ต้องมาเทรดผมก็ได้เวลาและกำลังของผมกลับมา สามารถทุ่มเทกับหน้าที่ของตัวเองในขณะนั้นได้ นั่นคือการเรียนเว้ย ไปตั้งใจเรียน ตั้งใจทวนหนังสือ หรือจะเอาไปทำสิ่งที่เราสนใจจริงๆ สิ่งที่รักสิ่งที่ถนัด จะได้สร้าง productivity สร้างคุณค่าในที่ทางของตัวเอง และยังรักษาเกียรติของเราไว้ได้
ใครที่เข้ามาสนใจบิตคอยน์เพราะราคามันขึ้น แล้วหวังว่าจะมูน จะแลมโบ รวยทางลัด ลองคิดดูอีกสักรอบ การเทรดทำกำไรไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันคือสิ่งที่คุณรักและถนัดจริงๆหรือเปล่า ลองเปิดใจศึกษาบิตคอยน์ในแนวคิดของเงินที่ดีดูบ้าง มันอาจจะช่วยให้คุณได้กลับมาทำสิ่งที่รักและมีความสุขจริงๆอีกครั้งนะครับ
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ #siamstr #siamstrOG
ประโยคน้ำเสียงนุ่ม แต่กระตุกจิตกระชากใจ ในวันที่กำลังหลงทางไปในช่วงเวลาแห่งความ FOMO
ก่อนหน้านั้นหลายเดือน กระแส“คริปโต”กำลังมา คนรอบตัวต่างพูดถึงมันเต็มไปหมด แม้แต่ป้าร้านอาหารตามสั่ง เพื่อนหลายคนอยู่ดีๆก็กลายเป็นนักเทรด แต่ละคนโชว์พอร์ทที่ทำกำไรได้จากตลาดนี้ ผมเกิดความอยากรู้อยากลองสักหน่อย “หรือนี่มันจะเป็นทางลัดให้เราเปลี่ยนฐานะทางสังคมได้วะ” ความคิดในหัวที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นบอก เลยไม่รอช้าสมัครแอปเขียวลองซื้อมันซักเหรียญซิ จัดไปดิ ETH ด้วยความที่ตลาดกำลัง hype ซื้ออะไรมันก็ขึ้นหมด เริ่มได้ใจ ก็ไปหาต่อ ตัวไหนมา ตัวไหนมูน ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกเช้ามาเปิดยูทูปช่องคริปโต เล่าข่าวบ้าง วิเคราะห์กราฟบ้าง แล้วก็ตามเขาไป จนถึงขั้นอยากลงคอร์สสอนดู Elliott Wave ไรงี้เลย แต่ก็ยังไม่มีเงินเรียน แต่ก็หาดูคลิปสอนฟรีในYT ไปแบบสุ่มๆ ซึ่งก็ไม่ได้รู้เรื่องเท่าไหร่หรอก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นคำถามในใจว่า นี่เราจำเป็นต้องมาเรียนรู้ศาสตร์พวกนี้จริงๆใช่ไหม เพื่อจะรอดจากเงินเฟ้อ เพื่อจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี หรือเพื่อแค่จะอยู่รอดไปวันๆ มันจะต้องมีความรู้ขนาดนี้เลยหรือ ทุกคนที่ทำงานทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ทุกวันนี้ต้องมีเวลามาศึกษาเรื่องนี้จริงๆหรือ ภาพอนาคตคือทุกคนเปิดกราฟในมือถือ กดซื้อ-ขายกันตลอดเวลาเพื่อทำกำไรหรอ แบบนี้มันไม่ถูกหรือเปล่า
นอกจากคำถามในใจที่เกิดขึ้นแล้ว อีกอย่างที่ได้จากการท่องไปในแพลตฟอร์มที่คอยสอดส่องการกระทำของเราอยู่ตลอดก็คือ ข้อมูลพฤติกรรมของผมถูกป้อนให้ Algorithm ได้เอาไปวิเคราะห์อย่างดี มันจึงพร้อมเสริฟเนื้อหาประเภทนี้ทุกครั้งที่ผมกดเข้าไป ซึ่งมันก็มีผลทำให้เหตุการณ์หนึ่งที่โคตรสำคัญกับชีวิตผมเกิดขึ้น คงเป็นโชคดีที่ Algorithm มันเลือกคลิปหนึ่งมาให้ “Bitcoin Talk #99 asset allocation” ชื่อคลิปน่าสนใจแฮะ คนเราอยากจะลงทุนก็ต้องมีความรู้เรื่องนี้บ้างแหละ ไหนขอฟังสักหน่อย จนถึงนาทีที่ 22:24 “แค่จะบอกความลับว่า จริงๆแล้วคุณไม่ต้องเทรดก็ได้“ ประโยคนี้ตอบคำถามในใจที่เกิดขึ้นตอนนั้นได้ดีทีเดียว มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทุกคนจะมาเป็น trader เป็น speculator กันหมดเพื่อจะมีเงินพอสำหรับการยังชีพในแต่ละวัน เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นสังคมจะไปเกิด productivity ขึ้นมาได้ยังไงในเมื่อทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตามองกราฟเก็งกำไรอยู่ คนที่ไม่ยอมปรับตัวมาเป็นนักเก็งกำไรจะอยู่รอดไม่ได้เพราะเงินที่เค้าเก็บไว้มันต้านเงินเฟ้อไม่ได้ เค้าต้องหันมาลงทุนถึงจะรอด แล้วจะเอาแรงเอาเวลาที่ไหนมาสร้างงาน สร้างบริการ สุดท้ายจะเหลือใครที่สร้างคุณค่าให้สังคมมนุษย์
เมื่อมองย้อนกลับมาหาตัวเองที่ตอนนั้นยังเรียนมหาลัยยังไม่จบด้วยซ้ำ และในอนาคตลำพังแค่งานหลักหลังจากเรียนจบคงสร้างรายได้ไม่พอจะทำให้ชีวิตมันดีขึ้นกว่านี้ได้ ยิ่งถ้ามองระยะยาว เงินเฟ้อมันเอาผมจมดินแน่ แล้วทำไงจะรอดล่ะ หันไปทางไหนก็มีแต่คนบอกว่าต้องลงทุน ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี แถมกระแสสุด high-time preference ที่กำลังมา อย่าง “เกษียณเร็วต้องมีกี่ล้าน” “อายุเท่านี้ต้องมี 1 2 3 4” หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็โคตรจะกดดันผมลงไปอีก ทีนี้ถ้าจะต้องแบ่งหัวสมองมาคิดวางแผนแล้วว่าจะลงทุนอะไร ท่าไหน ยังไง ที่จะทำให้มีกำไรมากพอจะรอดจากวงจรอุบาทนี้ มันอาจจะต้องแลกกับประสิทธิภาพการเรียนในตอนนั้นที่ลดลง และในอนาคตก็คงต้องแลกกับการทำงานขาดคุณภาพด้วยหรือเปล่า
แต่เพราะประโยคนั้นที่ดึงสติผมไว้ ทำให้ผมได้กลับมาทบทวนใหม่ ผมไม่ต้องรีบรวยแล้ว ไม่ต้องกังวลว่ามันจะขาดทุนเท่าไหร่ กราฟมันจะขึ้นจะลง กินอิ่มนอนหลับได้ เพียงแค่ต้องเก็บออมให้ถูกที่ เก็บไว้เป็นเงินที่สามารถรักษามูลค่าผ่านกาลเวลาได้และไม่มีใครสามารถควบคุมมูลค่าของมันได้ เงินที่จะไม่หักหลังคนที่รู้จักเก็บออม มันทำให้ time preference ค่อยๆลดต่ำลง พอไม่ต้องมาเทรดผมก็ได้เวลาและกำลังของผมกลับมา สามารถทุ่มเทกับหน้าที่ของตัวเองในขณะนั้นได้ นั่นคือการเรียนเว้ย ไปตั้งใจเรียน ตั้งใจทวนหนังสือ หรือจะเอาไปทำสิ่งที่เราสนใจจริงๆ สิ่งที่รักสิ่งที่ถนัด จะได้สร้าง productivity สร้างคุณค่าในที่ทางของตัวเอง และยังรักษาเกียรติของเราไว้ได้
ใครที่เข้ามาสนใจบิตคอยน์เพราะราคามันขึ้น แล้วหวังว่าจะมูน จะแลมโบ รวยทางลัด ลองคิดดูอีกสักรอบ การเทรดทำกำไรไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันคือสิ่งที่คุณรักและถนัดจริงๆหรือเปล่า ลองเปิดใจศึกษาบิตคอยน์ในแนวคิดของเงินที่ดีดูบ้าง มันอาจจะช่วยให้คุณได้กลับมาทำสิ่งที่รักและมีความสุขจริงๆอีกครั้งนะครับ
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ #siamstr #siamstrOG