kuli on Nostr: ...
ทำเต็มที่แล้วแต่ยังรู้สึกเสียดาย?
เรื่องบางเรื่อง เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อจิตใจเรามากทำให้ไม่ว่าจะเต็มที่หรือไม่เต็ม เราก็ไม่อาจปลดปล่อยความคิดไปได้
แต่ว่าหลังจากการได้ทำเต็มที่ ทำในส่วนที่เราทำได้อย่างเต็มลิมิตแล้ว สิ่งใดก็ตามไม่อาจเป็นไปดังที่เราหวัง นั่นก็เป็นเพียงตัวแปรภายนอกที่ไม่มีใครในโลกจะควบคุมมันได้
ณ ที่นี้ยกตัวอย่างเรื่อง ความรัก บทสนทนาของหญิงสาวคู่หนึ่งได้พูดถึงความรักที่จบไปว่า เธอทำเต็มที่แล้ว แต่ผลลัพท์กลับไม่เป็นดั่งใจหวัง ทำไมทำดีจึงไม่ได้ดี ทำไมโชคร้ายเช่นนั้น
หากใช้สติในการวิเคราะห์เราจะเห็นว่า
1.คุณทำดี แล้วดีของคุณมันดีในมุมมองของเขาหรือไม่
2.ชีวิตคู่เป็นชีวิตที่ต้องพยายามทั้งสองฝ่าย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกเหมือนพยายามฝ่ายเดียว อันนั้น.. เป็นชีวิตเดี่ยวแล้วหรือไม่
3.การทำดีของคุณ มันถูกที่ ถูกเวลา ถูกคนหรือเปล่า ไม่มีอะไรการันตรีว่า การทำดีจะได้ดีดั่งใจอยู่เสมอ เพียงแต่การทำดีมักเห็นผลในระยะสั้นอย่างเช่น ทำให้เรารู้สึกดีขณะที่ทำ แค่นั้น ส่วนเรื่องใครจะมาทำดีคืนหรือไม่ เป็นสิ่งที่คาดหวังไม่ได้ เพราะเราไม่มีเครื่องวัดจิตสำนึกหรือความพร้อมที่จะตอบแทนความดีของคน
4.ยอมรับความจริงให้ได้ว่าพื้นฐานความเป็นมนุษย์ แม้ชอบที่จะรวมกลุ่มกันเพื่อความอยู่รอด แต่คุณไม่มีทางปฏิเสธได้ว่า ทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว มีสัญชาติญาณในการเอาชีวิตรอด เพียงแต่ความเห็นแก่ตัวที่ว่า บางคนสามารถจัดการให้พอดี จึงเรียกว่าการรักตัวเองได้ ส่วนบางคนที่ไม่มีความสามารถในการจัดการก็แค่เป็นคนเห็นแก่ตัวไป
5.หากมั่นใจดีว่าทำเต็มที่แล้ว ยังไม่อาจปล่อยวางได้ ก็ต้องถามตัวเองว่า อะไรคือความจำเป็นในการไม่ปล่อยวาง? จะย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรก็ทำไม่ได้ ในช่วงเวลาที่ตัดสินใจทำขณะนั้นก็อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่อัพเดตแค่นั่น จากข้อ 4 สุดท้ายคุณก็เป็นผู้เห็นแก่ตัวเองไม่ใช่เหรอ.. แล้วถ้าจะเห็นแก่ตัวอีกนิดโดยการ ปล่อยเรื่องราวให้พัดผ่านไป มันดูจำเป็นกว่าการไม่ปล่อยมั้ย?
อดีตก็น่าเสียดาย อนาคตก็น่าเสียดาย แต่จริงๆทั้งสองอย่างนี้มันจับต้องไม่ได้หรอก เราไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้ มีเพียงปัจจุบันที่วนอยู่ในความคิดกับความรู้สึกเมินเฉยมันเสียไม่ได้
เพราะคุณไม่รู้วันตายของตัวเองก็เลยใช้เวลาและความรู้สึกไปกับความอยุติธรรม ซึ่งเป็นธรรมดาของโลก จนลืมเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นจากอีกด้าน
สิ่งหนึ่งนำมาสู่อีกสิ่งหนึ่งเสมอ การที่คุณพบเจอเรื่องแย่ๆ คนแย่ๆสำหรับคุณในวันวาน ไม่ได้การันตรีว่าตลอดอายุไขของคุณจะไม่พบความสุขอีกแล้ว อันดับแรก.. ให้คุณปล่อยวางการทำดีและความเสียดายพวกนั้นก่อน
เลิกคิดสาระตะมากมายว่าฉันอย่างนั้น เขาอย่างนี้ ทำไมอย่างนั้นอย่างนี้
ปล่อยทิ้งมันไปเหมือนปล่อยหลายเรื่องเลวร้ายที่คุณใช้ชีวิตผ่านมันมา ก้าวแรกของความสุขไม่ได้อยู่ที่ดวงหรือใครมอบให้ แต่อยู่ที่คุณจะเปลี่ยนมุมมองต่อเหตุการณ์ในอดีตได้เมื่อไหร่
#siamstr #จ้าวเลอะเทอะ
เรื่องบางเรื่อง เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อจิตใจเรามากทำให้ไม่ว่าจะเต็มที่หรือไม่เต็ม เราก็ไม่อาจปลดปล่อยความคิดไปได้
แต่ว่าหลังจากการได้ทำเต็มที่ ทำในส่วนที่เราทำได้อย่างเต็มลิมิตแล้ว สิ่งใดก็ตามไม่อาจเป็นไปดังที่เราหวัง นั่นก็เป็นเพียงตัวแปรภายนอกที่ไม่มีใครในโลกจะควบคุมมันได้
ณ ที่นี้ยกตัวอย่างเรื่อง ความรัก บทสนทนาของหญิงสาวคู่หนึ่งได้พูดถึงความรักที่จบไปว่า เธอทำเต็มที่แล้ว แต่ผลลัพท์กลับไม่เป็นดั่งใจหวัง ทำไมทำดีจึงไม่ได้ดี ทำไมโชคร้ายเช่นนั้น
หากใช้สติในการวิเคราะห์เราจะเห็นว่า
1.คุณทำดี แล้วดีของคุณมันดีในมุมมองของเขาหรือไม่
2.ชีวิตคู่เป็นชีวิตที่ต้องพยายามทั้งสองฝ่าย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกเหมือนพยายามฝ่ายเดียว อันนั้น.. เป็นชีวิตเดี่ยวแล้วหรือไม่
3.การทำดีของคุณ มันถูกที่ ถูกเวลา ถูกคนหรือเปล่า ไม่มีอะไรการันตรีว่า การทำดีจะได้ดีดั่งใจอยู่เสมอ เพียงแต่การทำดีมักเห็นผลในระยะสั้นอย่างเช่น ทำให้เรารู้สึกดีขณะที่ทำ แค่นั้น ส่วนเรื่องใครจะมาทำดีคืนหรือไม่ เป็นสิ่งที่คาดหวังไม่ได้ เพราะเราไม่มีเครื่องวัดจิตสำนึกหรือความพร้อมที่จะตอบแทนความดีของคน
4.ยอมรับความจริงให้ได้ว่าพื้นฐานความเป็นมนุษย์ แม้ชอบที่จะรวมกลุ่มกันเพื่อความอยู่รอด แต่คุณไม่มีทางปฏิเสธได้ว่า ทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว มีสัญชาติญาณในการเอาชีวิตรอด เพียงแต่ความเห็นแก่ตัวที่ว่า บางคนสามารถจัดการให้พอดี จึงเรียกว่าการรักตัวเองได้ ส่วนบางคนที่ไม่มีความสามารถในการจัดการก็แค่เป็นคนเห็นแก่ตัวไป
5.หากมั่นใจดีว่าทำเต็มที่แล้ว ยังไม่อาจปล่อยวางได้ ก็ต้องถามตัวเองว่า อะไรคือความจำเป็นในการไม่ปล่อยวาง? จะย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรก็ทำไม่ได้ ในช่วงเวลาที่ตัดสินใจทำขณะนั้นก็อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่อัพเดตแค่นั่น จากข้อ 4 สุดท้ายคุณก็เป็นผู้เห็นแก่ตัวเองไม่ใช่เหรอ.. แล้วถ้าจะเห็นแก่ตัวอีกนิดโดยการ ปล่อยเรื่องราวให้พัดผ่านไป มันดูจำเป็นกว่าการไม่ปล่อยมั้ย?
อดีตก็น่าเสียดาย อนาคตก็น่าเสียดาย แต่จริงๆทั้งสองอย่างนี้มันจับต้องไม่ได้หรอก เราไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้ มีเพียงปัจจุบันที่วนอยู่ในความคิดกับความรู้สึกเมินเฉยมันเสียไม่ได้
เพราะคุณไม่รู้วันตายของตัวเองก็เลยใช้เวลาและความรู้สึกไปกับความอยุติธรรม ซึ่งเป็นธรรมดาของโลก จนลืมเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นจากอีกด้าน
สิ่งหนึ่งนำมาสู่อีกสิ่งหนึ่งเสมอ การที่คุณพบเจอเรื่องแย่ๆ คนแย่ๆสำหรับคุณในวันวาน ไม่ได้การันตรีว่าตลอดอายุไขของคุณจะไม่พบความสุขอีกแล้ว อันดับแรก.. ให้คุณปล่อยวางการทำดีและความเสียดายพวกนั้นก่อน
เลิกคิดสาระตะมากมายว่าฉันอย่างนั้น เขาอย่างนี้ ทำไมอย่างนั้นอย่างนี้
ปล่อยทิ้งมันไปเหมือนปล่อยหลายเรื่องเลวร้ายที่คุณใช้ชีวิตผ่านมันมา ก้าวแรกของความสุขไม่ได้อยู่ที่ดวงหรือใครมอบให้ แต่อยู่ที่คุณจะเปลี่ยนมุมมองต่อเหตุการณ์ในอดีตได้เมื่อไหร่
#siamstr #จ้าวเลอะเทอะ