berlin on Nostr: นิตยสาร TIME สื่อใหญ่ของอเมริกา ...
นิตยสาร TIME สื่อใหญ่ของอเมริกา ยกให้ Dragon Age: The Veilguard เป็นเกมอันดับ 1 ใน The 10 Best Video Games of 2024
Dragon Age: The Veilguard เป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ BioWare หลังจากที่บริษัทประสบปัญหามากมายในทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกเกม Shadow Realms, ความผิดหวังจาก Mass Effect: Andromeda และความล้มเหลวของ Anthem
จุดเด่นสำคัญของเกมอยู่ที่ระบบสร้างตัวละครที่ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการเกม ผู้เล่นสามารถปรับแต่งรายละเอียดของตัวละครได้อย่างละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างกระดูกไปจนถึงการจัดวางเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับความหลากหลายทั้งในแง่ของเชื้อชาติและเพศสภาพ รวมถึงการรองรับสรรพนามสำหรับผู้ที่ไม่ระบุเพศ
ด้านเนื้อเรื่อง เกมเกิดขึ้น 10 ปีหลังเหตุการณ์ใน Dragon Age: Inquisition โดยต่อเนื่องจากฉากหลังเครดิตที่เปิดเผยว่า โซลัส อดีตเพื่อนร่วมทางคือเทพแห่งการทรยศของเผ่าเอลฟ์ที่พยายามทำลายม่านวิเศษที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์กับอาณาจักรปีศาจ
การต่อสู้และการเคลื่อนที่ในเกมได้รับการปรับปรุงให้ดีที่สุดในซีรีส์ Dragon Age พร้อมด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่งที่สร้างความรู้สึกอลังการในยุคที่เกมแฟนตาซีมีภาพที่สวยงามมากมาย แต่จุดเด่นที่แท้จริงอยู่ที่การเดินทางและสายสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นกับเพื่อนร่วมทาง โดยเพื่อนร่วมทางทั้ง 6 คนมีทักษะและบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์
ระบบสนทนาได้รับการปรับปรุงให้ซับซ้อนขึ้น การเลือกคำตอบที่ดูเหมือนจะเป็นที่พอใจไม่ได้รับประกันว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการเสมอไป ทำให้การสร้างความสัมพันธ์น่าตื่นเต้นมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบการเดินทางผ่านพอร์ทัลและการเข้าถึงพลังพิเศษของเพื่อนร่วมทางที่สะดวกสบาย
แม้ว่าบางคนอาจคิดถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้นทางการเมืองจากภาคก่อน แต่ The Veilguard ก็ให้ความสดใหม่แก่ซีรีส์ ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ลึกซึ้งแต่ไม่รู้สึกหนักจนเกินไป ทำให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับการกำจัดปีศาจได้อย่างเต็มที่ TIME เลือกคำว่า "fulfilling" หรือ "สมบูรณ์แบบ" เพื่อบรรยายถึงความพิเศษที่ทำให้เกมนี้ได้รับตำแหน่งเกมแห่งปี
**ความเห็นส่วนตัวในฐานะคนที่เล่นจบแล้ว ผมประทับใจ Dragon Age: The Veilguard เช่นกัน เนื้อเรื่องในภาคนี้มีความล้ำลึกในแบบของ Dragon Age จุดเด่นอีกเรื่องคือดนตรีประกอบซึ่งประพันธ์โดย Hans Zimmer (ผู้ชนะ 2 รางวัลออสการ์จากเรื่อง Lion King และ Dune) นอกจากนี้เขายังแต่งเพลงให้หนังดังมากมาย เช่น Gladiator, The Last Samurai, Batman: The Dark Knight, Man of Steel, Interstellar, Dunkirk และ 007: No Time to Die
อีกหนึ่งนักประพันธ์เพลงคือ Lorne Balfe ผู้ฝากผลงานไว้กับ Mission Impossible: Fallout และภาคล่าสุด Dead Reckoning Part One รวมถึง Bad Boys, Gran Turismo, Assassin's Creed, Crysis 2 และ Call of Duty: Modern Warfare
จึงไม่น่าแปลกใจว่าภาคนี้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกแบบภาพยนตร์และดึงเส้นเรื่องในช่วงท้ายให้มีความตื่นเต้นลุ้นระทึก ชวนให้อยากเล่นต่อจนจบ
ที่มา: https://time.com/7199868/best-video-games-2024/
#siamstr #wherostr #Ps5 #nostr #SiamPlaystation
Dragon Age: The Veilguard เป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ BioWare หลังจากที่บริษัทประสบปัญหามากมายในทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกเกม Shadow Realms, ความผิดหวังจาก Mass Effect: Andromeda และความล้มเหลวของ Anthem
จุดเด่นสำคัญของเกมอยู่ที่ระบบสร้างตัวละครที่ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการเกม ผู้เล่นสามารถปรับแต่งรายละเอียดของตัวละครได้อย่างละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างกระดูกไปจนถึงการจัดวางเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับความหลากหลายทั้งในแง่ของเชื้อชาติและเพศสภาพ รวมถึงการรองรับสรรพนามสำหรับผู้ที่ไม่ระบุเพศ
ด้านเนื้อเรื่อง เกมเกิดขึ้น 10 ปีหลังเหตุการณ์ใน Dragon Age: Inquisition โดยต่อเนื่องจากฉากหลังเครดิตที่เปิดเผยว่า โซลัส อดีตเพื่อนร่วมทางคือเทพแห่งการทรยศของเผ่าเอลฟ์ที่พยายามทำลายม่านวิเศษที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์กับอาณาจักรปีศาจ
การต่อสู้และการเคลื่อนที่ในเกมได้รับการปรับปรุงให้ดีที่สุดในซีรีส์ Dragon Age พร้อมด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่งที่สร้างความรู้สึกอลังการในยุคที่เกมแฟนตาซีมีภาพที่สวยงามมากมาย แต่จุดเด่นที่แท้จริงอยู่ที่การเดินทางและสายสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นกับเพื่อนร่วมทาง โดยเพื่อนร่วมทางทั้ง 6 คนมีทักษะและบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์
ระบบสนทนาได้รับการปรับปรุงให้ซับซ้อนขึ้น การเลือกคำตอบที่ดูเหมือนจะเป็นที่พอใจไม่ได้รับประกันว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการเสมอไป ทำให้การสร้างความสัมพันธ์น่าตื่นเต้นมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบการเดินทางผ่านพอร์ทัลและการเข้าถึงพลังพิเศษของเพื่อนร่วมทางที่สะดวกสบาย
แม้ว่าบางคนอาจคิดถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้นทางการเมืองจากภาคก่อน แต่ The Veilguard ก็ให้ความสดใหม่แก่ซีรีส์ ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ลึกซึ้งแต่ไม่รู้สึกหนักจนเกินไป ทำให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับการกำจัดปีศาจได้อย่างเต็มที่ TIME เลือกคำว่า "fulfilling" หรือ "สมบูรณ์แบบ" เพื่อบรรยายถึงความพิเศษที่ทำให้เกมนี้ได้รับตำแหน่งเกมแห่งปี
**ความเห็นส่วนตัวในฐานะคนที่เล่นจบแล้ว ผมประทับใจ Dragon Age: The Veilguard เช่นกัน เนื้อเรื่องในภาคนี้มีความล้ำลึกในแบบของ Dragon Age จุดเด่นอีกเรื่องคือดนตรีประกอบซึ่งประพันธ์โดย Hans Zimmer (ผู้ชนะ 2 รางวัลออสการ์จากเรื่อง Lion King และ Dune) นอกจากนี้เขายังแต่งเพลงให้หนังดังมากมาย เช่น Gladiator, The Last Samurai, Batman: The Dark Knight, Man of Steel, Interstellar, Dunkirk และ 007: No Time to Die
อีกหนึ่งนักประพันธ์เพลงคือ Lorne Balfe ผู้ฝากผลงานไว้กับ Mission Impossible: Fallout และภาคล่าสุด Dead Reckoning Part One รวมถึง Bad Boys, Gran Turismo, Assassin's Creed, Crysis 2 และ Call of Duty: Modern Warfare
จึงไม่น่าแปลกใจว่าภาคนี้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกแบบภาพยนตร์และดึงเส้นเรื่องในช่วงท้ายให้มีความตื่นเต้นลุ้นระทึก ชวนให้อยากเล่นต่อจนจบ
ที่มา: https://time.com/7199868/best-video-games-2024/
#siamstr #wherostr #Ps5 #nostr #SiamPlaystation


