layman_economics on Nostr: ...
หนึ่งในปัจจัยที่ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศมากที่สุดคืออัตราภาษีก้าวหน้า
หลายคนที่สนับสนุนอัตราภาษีก้าวหน้ามองว่า นี่คือหนทางในการเอาเงินของคนรวย (ซึ่งน่าจะมีเงิน “มากเกินพอ” อยู่แล้ว) มาช่วยเหลือคนจน
ฟังดูดีนะครับ
แต่ลองสำรวจจุดนี้เพิ่มเติมกันสักหน่อยดีกว่า
สมมติว่าผมเอาปืนไปจ่อหัวคุณและพูดกับคุณว่า “คุณมีเงินเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้วนะ คุณส่งเงินก้อนนั้นมาให้ผมเสียดีๆ และผมจะเอาเงินไปช่วยเหลือเด็กกำพร้า”
พฤติกรรมของผมในข้างต้น “ใช้ได้” หรือไม่?
แน่นอนครับว่า “ใช้ไม่ได้”!
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมข้างต้นคือพฤติกรรมที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ผ่านอัตราภาษีก้าวหน้าครับ!
เพราะถ้าคนรวยไม่ยอมจ่ายภาษีด้วยอัตราก้าวหน้า รัฐบาลก็จะมีค่าปรับ และหากคนรวยไม่ยอมจ่ายค่าปรับ รัฐบาลก็จะส่งเจ้าหน้าที่รัฐมาหาคนรวยที่บ้านเพื่อบีบให้คนรวยจ่ายค่าปรับให้ได้ และหากคนรวยไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาในบ้าน ในที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องใช้กำลังเพื่อบีบให้คนรวยเปิดประตูบ้านต้อนรับให้ได้
ถึงอัตราภาษีก้าวหน้าจะมีเจตนาดีขนาดไหน แต่การใช้กำลังบีบคับให้ใครสักคน “ทำความดี” หรือ “ช่วยเหลือคนอื่น” มันไม่ใช่หนทางที่ดีเลย
เพราะต่อให้เราจะใช้กำลังบังคับคนรวยให้ “ช่วยเหลือคนอื่น” ได้สำเร็จ คิดหรือครับว่าคนรวยจะรู้สึกดีใจเมื่อเห็นว่าเงินตัวเองได้ช่วยให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้น?
ไม่หรอกครับ
คนรวยที่ถูก “ปล้น” ไปนั้น มีแต่จะรู้สึกคับข้องใจ
เผลอๆ คนรวยอาจจะไม่พอใจมากจนตัดสินใจย้ายประเทศหนีไปอยู่ที่อื่นที่เป็น tax haven
ส่งผลให้บริษัทของคนรวยเหล่านี้ต้องเลิกจ้างคนในประเทศจำนวนไม่น้อย
ซึ่งก็ส่งผลกระทบทางลบกับสภาวะความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของคนในประเทศเข้าไปอีก
และนี่ยังไม่รวมผลกระทบของอัตราภาษีก้าวหน้าที่มีต่อความหิวกระหายในการที่จะหารายได้ของผู้คนอีกด้วยนะครับ!
เพราะพอเรามีอัตราภาษีก้าวหน้า หลายคนที่มีความหิวกระหายอยากจะทำงานหารายได้เพื่อยกระดับสถานะทางเศรษฐกิจของตัวเอง เขาก็จะเริ่มคิดแล้วว่า
“ฉันจะทำงานหนักๆ หาเงินเยอะๆไปเพื่ออะไร? ในเมื่อทำไป ฉันก็โดนภาษีเก็บจนไม่เหลือถึงมือของฉันเท่าไหร่อยู่ดี?”
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ อัตราภาษีก้าวหน้า “ดับไฟ” ในการทำงานหนักของคนจำนวนมากลง
ด้วยเหตุนี้ หากจะต้องมีการเก็บภาษีกันจริงๆ ผมมองว่าการเก็บภาษีแบบอัตราคงที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับการเก็บภาษีแบบอัตราก้าวหน้าครับ
#siamstr
หลายคนที่สนับสนุนอัตราภาษีก้าวหน้ามองว่า นี่คือหนทางในการเอาเงินของคนรวย (ซึ่งน่าจะมีเงิน “มากเกินพอ” อยู่แล้ว) มาช่วยเหลือคนจน
ฟังดูดีนะครับ
แต่ลองสำรวจจุดนี้เพิ่มเติมกันสักหน่อยดีกว่า
สมมติว่าผมเอาปืนไปจ่อหัวคุณและพูดกับคุณว่า “คุณมีเงินเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้วนะ คุณส่งเงินก้อนนั้นมาให้ผมเสียดีๆ และผมจะเอาเงินไปช่วยเหลือเด็กกำพร้า”
พฤติกรรมของผมในข้างต้น “ใช้ได้” หรือไม่?
แน่นอนครับว่า “ใช้ไม่ได้”!
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมข้างต้นคือพฤติกรรมที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ผ่านอัตราภาษีก้าวหน้าครับ!
เพราะถ้าคนรวยไม่ยอมจ่ายภาษีด้วยอัตราก้าวหน้า รัฐบาลก็จะมีค่าปรับ และหากคนรวยไม่ยอมจ่ายค่าปรับ รัฐบาลก็จะส่งเจ้าหน้าที่รัฐมาหาคนรวยที่บ้านเพื่อบีบให้คนรวยจ่ายค่าปรับให้ได้ และหากคนรวยไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาในบ้าน ในที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องใช้กำลังเพื่อบีบให้คนรวยเปิดประตูบ้านต้อนรับให้ได้
ถึงอัตราภาษีก้าวหน้าจะมีเจตนาดีขนาดไหน แต่การใช้กำลังบีบคับให้ใครสักคน “ทำความดี” หรือ “ช่วยเหลือคนอื่น” มันไม่ใช่หนทางที่ดีเลย
เพราะต่อให้เราจะใช้กำลังบังคับคนรวยให้ “ช่วยเหลือคนอื่น” ได้สำเร็จ คิดหรือครับว่าคนรวยจะรู้สึกดีใจเมื่อเห็นว่าเงินตัวเองได้ช่วยให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้น?
ไม่หรอกครับ
คนรวยที่ถูก “ปล้น” ไปนั้น มีแต่จะรู้สึกคับข้องใจ
เผลอๆ คนรวยอาจจะไม่พอใจมากจนตัดสินใจย้ายประเทศหนีไปอยู่ที่อื่นที่เป็น tax haven
ส่งผลให้บริษัทของคนรวยเหล่านี้ต้องเลิกจ้างคนในประเทศจำนวนไม่น้อย
ซึ่งก็ส่งผลกระทบทางลบกับสภาวะความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของคนในประเทศเข้าไปอีก
และนี่ยังไม่รวมผลกระทบของอัตราภาษีก้าวหน้าที่มีต่อความหิวกระหายในการที่จะหารายได้ของผู้คนอีกด้วยนะครับ!
เพราะพอเรามีอัตราภาษีก้าวหน้า หลายคนที่มีความหิวกระหายอยากจะทำงานหารายได้เพื่อยกระดับสถานะทางเศรษฐกิจของตัวเอง เขาก็จะเริ่มคิดแล้วว่า
“ฉันจะทำงานหนักๆ หาเงินเยอะๆไปเพื่ออะไร? ในเมื่อทำไป ฉันก็โดนภาษีเก็บจนไม่เหลือถึงมือของฉันเท่าไหร่อยู่ดี?”
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ อัตราภาษีก้าวหน้า “ดับไฟ” ในการทำงานหนักของคนจำนวนมากลง
ด้วยเหตุนี้ หากจะต้องมีการเก็บภาษีกันจริงๆ ผมมองว่าการเก็บภาษีแบบอัตราคงที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับการเก็บภาษีแบบอัตราก้าวหน้าครับ
#siamstr