ritto on Nostr: The Brothers Suns: Family Matters ...
The Brothers Suns: Family Matters การเลือกระว่างครอบครัวกับการทำตามฝัน [No Spoilers]
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสได้ดูซีรี่ส์เรื่อง The Brothers Suns ทาง Netflix ที่นอกจากทีมสร้างเป็นชาวเอเชียแทบทั้งหมด และอีกทั้งยังนำแสดงโดย มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ที่ตั้งแต่ได้รางวัลออสการ์มาจากเรื่อง Everything Everywhere All at Once ก็มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ที่เรื่องนี้อาจจะไม่ได้บู๊เยอะเหมือนเรื่องก่อน ๆ แต่ก็เล่นเป็นคุณแม่ที่ฉลาดเก๋าเกมเจนจัดได้ดี เป็นเหมือนเดอะแบกให้เรื่องนี้ ส่วนซีรี่ส์ถ้าดูเผิน ๆ ก็เหมือนจะเป็นแบบบู๊ ๆ ตลก ๆ สไตล์เอเชียที่พอตอบโจทย์ความบันเทิงได้ กับผลที่ดูจนจบมาถึงจะไม่ดีมาก ดาราหน้าใหม่มีการแสดงที่ขัด ๆ ไปบ้าง มีบางตอนที่ยืด ๆ กับบทที่แปร่ง ๆ ในบางจุด แต่ก็แฝงด้วยความตลกร้าย (Black Comedy) มีการล้อหนังเรื่องอื่นแบบฮา ๆ คิวบู๊ที่เดือดเลือดสาดใช้ได้ และเล่นกับเรื่อง Asian Stereotype อย่างประเด็นครอบครัวได้อย่างน่าสนใจ
—
เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีประสบการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างทำตามความคาดหวังหรือรับมรดกตกทอดของครอบครัว กับการเลือกทำตามความฝันของตัวเองโดยที่ในซีรี่ส์นั้นตัวเอกสองพี่น้องตระกูลซันที่กำลังประสบปัญหานี้ เริ่มด้วยพี่คนโตนักฆ่ามือฉมัง และทายาทมาเฟียอั้งยี่ใหญ่ในไทเปอย่าง ชาร์ล (Charles) รับบทโดย จัสติน เฉียน (Justin Chein) หรือในเรื่องเรียกด้วยฉายาว่า “Chairleg” หรือ “ขาเก้าอี้พิฆาต” (ตั้งเอง) ที่มีที่มาจากการสร้างชื่อโดยใช้ขาเก้าอี้กำราบคู่อริมานักต่อนัก แต่กลับมีแพชชั่นในการทำขนมอย่างแรงกล้า ที่พ่อหัวหน้าครอบครัวมาเฟียถูกลอบสังหาร แล้วต้องเดินทางมายัง ลอง แองเจลีส (Los Angeles) เพื่อมาสืบว่าใครที่ต้องการจะสังหารพ่อ และมาปกป้องแม่ไอลีน (Eileen) หรือ มาม่า ซัน (Mama Sun) ที่รับบทโดย มิเชล โหย่ว ที่กุมความลับคอนเนกชั่นทั้งหมดของแก๊งค์อังยี่ในไต้หวัน และ บรูซ (Bruce) น้องชายคนเล็กที่รับบทโดย แซม ซอง ลี (Sam Song Li) ที่แม่อยากให้ตั้งใจเรียนเป็นหมอ (Sterotype สุดติ่ง) ช่วยเหลือคนอื่น และมีชีวิตให้ห่างไกลจากอดีตของครอบครัว แต่ตัวเองอยากจะเป็นนักแสดง Improv หรือ การเล่นละครด้นสดมากกว่า แถมยังเอาค่าเทอมที่แม้ให้ไปใช้ฝึกฝนสกิลนี้อีกต่างหาก
—
ภาระหน้าที่ต่อครอบครัวนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่สะท้อนออกมาแทบทุกตอนในเรื่อง จากพี่ชายที่นับถือกฏของมาเฟียและตระกูลยิ่งกว่าสิ่งใด และใช้กำลังในการแก้ปัญหาให้ครอบครัว พอมาได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่สอนลูกคนนี้ตลอดว่าการวางแผนอย่างชาญฉลาดและการมีไหวพริบที่ดีก็เป็นการแก้ปัญหาในอีกทางโดยที่ไม่ต้องเกิดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น และน้องที่มีชีวิตที่ค่อนข้างอิสระไม่ต้องอยู่ในกรอบที่เขาอยู่มาทั้งชีวิตในดินแดนแห่งเสรีภาพก็เริ่มมีความคิดที่เปลี่ยนไป และบรูซที่พอรู้ว่าตัวเองมาจากตระกูลมาเฟีย แต่ก็อยากจะช่วยพี่และแม่ในแบบของตัวเองถึงแม้จะไม่ได้บู๊เป็นแถมออกแนวเนิร์ด ๆ ป๊อด ๆ อีกต่างหาก แต่ก็ไอเดียแปลก ๆ ตามสไตล์ที่การด้นสดที่ตัวเองถนัด คอยช่วยให้ทั้งสองคนรอดพ้นจากสถานการณ์ขับขันอยู่เรื่อย ๆ
—
และในชีวิตจริงของชาวเอเชียเชื้อสายจีนนั้นส่วนใหญ่นั้น ต้องถูกตีกรอบไว้ว่าครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด และความคาดหวังที่พ่อแม่เรานั้นอยากให้เป็นก็สำคัญ บางคนก็ได้โอกาสเลือกในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการและมีครอบครัวช่วยสนับสนุน และบางคนก็ต้องแบกรับความคาดหวังของที่ครอบครัวโดยที่ไม่มีโอกาสเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ หรือแม้กระทั่งบางคนที่แม้จะมีโอกาสได้ทำตามฝันแล้ว แต่ก็ต้องพะวงเรื่องครอบครัวที่ตัวเองยังต้องมีความรับผิดชอบ และต้องละทิ้งความฝันกลับมาทำเพื่อครอบครัวอีกครั้ง และเมื่อยิ่งเป็น “ลูกชายคนโต” ที่แบกความคาดหวังของพ่อแม่ ต้องคอยดูแลบ้านและคนในครอบครัว เป็นแบบอย่างที่ดีและเสียสละให้น้อง ๆ ตลอดจนสืบทอดกิจการของวงศ์ตระกูล ซึ่งสะท้อนในคาแรกเตอร์ของชาร์ลได้ซีรี่ส์นี้เป็นอย่างดี
—
แม้ในชีวิตจริงของเรา ๆ และด้วยบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละครอบครัว ไปเรื่องราวก็คงไม่ลงเอยง่าย ๆ แบบในภาพยนตร์และซีรี่ส์หลาย ๆ เรื่องที่การทำตามความฝันของตัวเองแล้วก็อาจจะไม่ต้องหันหลังให้ครอบครัวซะทีเดียว และการรักและกตัญญูต่อครอบครัวก็ไม่ได้แปลว่าเราต้องทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อครอบครัว สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือเราและครอบครัวต้องเปิดใจให้กัน ยอมรับและเข้าใจกัน หาทางออกที่ดีที่สุด มอบความสุขและเป็นกำลังใจให้แก่กัน ที่จะสามารถทำให้ความฝันและครอบครัวเดินสามารถเดินไปด้วยกันได้
—
#siamstr #netflix #series #thebrothersun #michelleyeoh
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสได้ดูซีรี่ส์เรื่อง The Brothers Suns ทาง Netflix ที่นอกจากทีมสร้างเป็นชาวเอเชียแทบทั้งหมด และอีกทั้งยังนำแสดงโดย มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ที่ตั้งแต่ได้รางวัลออสการ์มาจากเรื่อง Everything Everywhere All at Once ก็มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ที่เรื่องนี้อาจจะไม่ได้บู๊เยอะเหมือนเรื่องก่อน ๆ แต่ก็เล่นเป็นคุณแม่ที่ฉลาดเก๋าเกมเจนจัดได้ดี เป็นเหมือนเดอะแบกให้เรื่องนี้ ส่วนซีรี่ส์ถ้าดูเผิน ๆ ก็เหมือนจะเป็นแบบบู๊ ๆ ตลก ๆ สไตล์เอเชียที่พอตอบโจทย์ความบันเทิงได้ กับผลที่ดูจนจบมาถึงจะไม่ดีมาก ดาราหน้าใหม่มีการแสดงที่ขัด ๆ ไปบ้าง มีบางตอนที่ยืด ๆ กับบทที่แปร่ง ๆ ในบางจุด แต่ก็แฝงด้วยความตลกร้าย (Black Comedy) มีการล้อหนังเรื่องอื่นแบบฮา ๆ คิวบู๊ที่เดือดเลือดสาดใช้ได้ และเล่นกับเรื่อง Asian Stereotype อย่างประเด็นครอบครัวได้อย่างน่าสนใจ
—
เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีประสบการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างทำตามความคาดหวังหรือรับมรดกตกทอดของครอบครัว กับการเลือกทำตามความฝันของตัวเองโดยที่ในซีรี่ส์นั้นตัวเอกสองพี่น้องตระกูลซันที่กำลังประสบปัญหานี้ เริ่มด้วยพี่คนโตนักฆ่ามือฉมัง และทายาทมาเฟียอั้งยี่ใหญ่ในไทเปอย่าง ชาร์ล (Charles) รับบทโดย จัสติน เฉียน (Justin Chein) หรือในเรื่องเรียกด้วยฉายาว่า “Chairleg” หรือ “ขาเก้าอี้พิฆาต” (ตั้งเอง) ที่มีที่มาจากการสร้างชื่อโดยใช้ขาเก้าอี้กำราบคู่อริมานักต่อนัก แต่กลับมีแพชชั่นในการทำขนมอย่างแรงกล้า ที่พ่อหัวหน้าครอบครัวมาเฟียถูกลอบสังหาร แล้วต้องเดินทางมายัง ลอง แองเจลีส (Los Angeles) เพื่อมาสืบว่าใครที่ต้องการจะสังหารพ่อ และมาปกป้องแม่ไอลีน (Eileen) หรือ มาม่า ซัน (Mama Sun) ที่รับบทโดย มิเชล โหย่ว ที่กุมความลับคอนเนกชั่นทั้งหมดของแก๊งค์อังยี่ในไต้หวัน และ บรูซ (Bruce) น้องชายคนเล็กที่รับบทโดย แซม ซอง ลี (Sam Song Li) ที่แม่อยากให้ตั้งใจเรียนเป็นหมอ (Sterotype สุดติ่ง) ช่วยเหลือคนอื่น และมีชีวิตให้ห่างไกลจากอดีตของครอบครัว แต่ตัวเองอยากจะเป็นนักแสดง Improv หรือ การเล่นละครด้นสดมากกว่า แถมยังเอาค่าเทอมที่แม้ให้ไปใช้ฝึกฝนสกิลนี้อีกต่างหาก
—
ภาระหน้าที่ต่อครอบครัวนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่สะท้อนออกมาแทบทุกตอนในเรื่อง จากพี่ชายที่นับถือกฏของมาเฟียและตระกูลยิ่งกว่าสิ่งใด และใช้กำลังในการแก้ปัญหาให้ครอบครัว พอมาได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่สอนลูกคนนี้ตลอดว่าการวางแผนอย่างชาญฉลาดและการมีไหวพริบที่ดีก็เป็นการแก้ปัญหาในอีกทางโดยที่ไม่ต้องเกิดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น และน้องที่มีชีวิตที่ค่อนข้างอิสระไม่ต้องอยู่ในกรอบที่เขาอยู่มาทั้งชีวิตในดินแดนแห่งเสรีภาพก็เริ่มมีความคิดที่เปลี่ยนไป และบรูซที่พอรู้ว่าตัวเองมาจากตระกูลมาเฟีย แต่ก็อยากจะช่วยพี่และแม่ในแบบของตัวเองถึงแม้จะไม่ได้บู๊เป็นแถมออกแนวเนิร์ด ๆ ป๊อด ๆ อีกต่างหาก แต่ก็ไอเดียแปลก ๆ ตามสไตล์ที่การด้นสดที่ตัวเองถนัด คอยช่วยให้ทั้งสองคนรอดพ้นจากสถานการณ์ขับขันอยู่เรื่อย ๆ
—
และในชีวิตจริงของชาวเอเชียเชื้อสายจีนนั้นส่วนใหญ่นั้น ต้องถูกตีกรอบไว้ว่าครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด และความคาดหวังที่พ่อแม่เรานั้นอยากให้เป็นก็สำคัญ บางคนก็ได้โอกาสเลือกในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการและมีครอบครัวช่วยสนับสนุน และบางคนก็ต้องแบกรับความคาดหวังของที่ครอบครัวโดยที่ไม่มีโอกาสเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ หรือแม้กระทั่งบางคนที่แม้จะมีโอกาสได้ทำตามฝันแล้ว แต่ก็ต้องพะวงเรื่องครอบครัวที่ตัวเองยังต้องมีความรับผิดชอบ และต้องละทิ้งความฝันกลับมาทำเพื่อครอบครัวอีกครั้ง และเมื่อยิ่งเป็น “ลูกชายคนโต” ที่แบกความคาดหวังของพ่อแม่ ต้องคอยดูแลบ้านและคนในครอบครัว เป็นแบบอย่างที่ดีและเสียสละให้น้อง ๆ ตลอดจนสืบทอดกิจการของวงศ์ตระกูล ซึ่งสะท้อนในคาแรกเตอร์ของชาร์ลได้ซีรี่ส์นี้เป็นอย่างดี
—
แม้ในชีวิตจริงของเรา ๆ และด้วยบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละครอบครัว ไปเรื่องราวก็คงไม่ลงเอยง่าย ๆ แบบในภาพยนตร์และซีรี่ส์หลาย ๆ เรื่องที่การทำตามความฝันของตัวเองแล้วก็อาจจะไม่ต้องหันหลังให้ครอบครัวซะทีเดียว และการรักและกตัญญูต่อครอบครัวก็ไม่ได้แปลว่าเราต้องทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อครอบครัว สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือเราและครอบครัวต้องเปิดใจให้กัน ยอมรับและเข้าใจกัน หาทางออกที่ดีที่สุด มอบความสุขและเป็นกำลังใจให้แก่กัน ที่จะสามารถทำให้ความฝันและครอบครัวเดินสามารถเดินไปด้วยกันได้
—
#siamstr #netflix #series #thebrothersun #michelleyeoh