I am SandRock on Nostr: ...
ด้วยความคาใจกับคำว่ากับดักลดหย่อนภาษีเลยใช้ ChatGPT เพื่อหาคำตอบสรุปมาได้ดังนี้
เปรียบเทียบพอร์ต 5 ปี: Bitcoin vs. กองทุนลดหย่อนภาษี (แบบเต็มสิทธิ์)
• กองทุนลดหย่อนภาษี (ลงทุน 600,000 บาท/ปี, ผลตอบแทนเฉลี่ย 8%/ปี):
→ มูลค่าพอร์ต ≈ 3.80 ล้านบาท
• Bitcoin ด้วย DCA (ลงทุน 497,850 บาท/ปี) ที่เหลือจากการจ่ายภาษีเงินได้เต็มจำนวน:
• ถ้าผลตอบแทน 15%/ปี → ≈ 3.86 ล้านบาท
• ถ้าผลตอบแทน 20%/ปี → ≈ 4.45 ล้านบาท
• ถ้าผลตอบแทน 30%/ปี → ≈ 5.85 ล้านบาท
แม้การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีจะช่วยให้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เต็มที่ แต่ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 8% ต่อปี พอร์ต 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 3.80 ล้านบาท
ในขณะที่ Bitcoin แม้ว่าใช้เงินลงทุนรายปีน้อยกว่าแต่การที่มันไม่เคยมีผลตอบแทนติดลบเลย ในประวัติศาสตร์ 5 ปี เมื่อถือไว้นานพอและเมื่อได้ผลตอบแทน 15–30% ต่อปี พอร์ตจะเติบโตไปได้ตั้งแต่ ≈ 3.86 ถึง 5.85 ล้านบาท
โดย Minimum returns ของ Bitcoin คือ Worst cases scenario ที่ 15% แต่มันก็มากกว่าผลตอบแทนจากกองทุนลดหย่อนภาษีโดยเฉลี่ยอยู่ดี (ไม่นับกรณีที่กองทุนที่ซื้อนี้ติดลบ)
และที่สำคัญต้องคิด Purchasing Power จากเงินเฟ้อ ในที่นี้สมมุติว่า 8% ต่อปี จะเท่ากับประมาณ 32% ในปีที่ 5
กรณีที่ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี 3,800,000 - 32% = 2,584,000 - 600,000*5 = -416,000 เท่ากับอำนาจการจับจ่ายติดลบไป 4 แสนกว่าบาท
กรณีที่จ่ายภาษีเต็มจำนวนโดยไม่ซื้อกองทุนลดหย่อนและนำเงินที่เหลือไป ซื้อ Bitcoin หากคำนวนด้วยวิธีเดียวกันจะได้ผลลัพธ์ดังนี้
ที่ 15% : 3,860,000 - 32% = 2,624,800-497,850*5=135,550
ที่ 20% : 4,450,000 - 32% = 3,026,000-497,850*5=536,750
ที่ 30% : 5,850,000 - 32% = 3,978,000-497,850*5=1,488,750
จะเห็นว่าแม้ Worst Case Scenario ตัวของ Bitcoin ก็ยังทำให้เรามี Purchasing Power มากขึ้น
ตัวอย่างนี้ใช้ Base จากรายได้ของคนที่มีรายได้ *สูงพอสมควร* ซึ่งหากทำตามนี้วิธีก็ยังได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการทำตามระบบการเงินปัจจุบันแบบเห็นได้ชัด
สิ่งนี้เป็นทฤษฎีที่ผมเห็นว่าเป็นแนวทางที่ดูจะเป็นทางรอดเดียวที่คนตัวเล็กพอจะทำได้ ซึ่งมันคุ้มค่าพอที่จะเสี่ยงแบบหมดหน้าตัก เพราะหากมีเงินเหลือและทำตามวิธีปกติก็แพ้ในเกมนี้อยู่ดี (ก็แน่สิ เป็นเกมที่ไม่ได้ออกแบบมาให้คนธรรมดาชนะอยู่แล้ว ไม่งั้น Elite ก็กินหรูอยู่สบายไม่ได้สิ)
ในชุมชนของเราแต่ละคนมีเรื่องแนวนี้ มากมายตามแต่ความเชี่ยวชาญของคนนั้นๆ คำถามคือ เราจะทำยังไงให้คนข้างนอกเห็นมุมมองนี้ได้?
ผมยังคงพยายามหาคำตอบนั้น
#siamstr
เปรียบเทียบพอร์ต 5 ปี: Bitcoin vs. กองทุนลดหย่อนภาษี (แบบเต็มสิทธิ์)
• กองทุนลดหย่อนภาษี (ลงทุน 600,000 บาท/ปี, ผลตอบแทนเฉลี่ย 8%/ปี):
→ มูลค่าพอร์ต ≈ 3.80 ล้านบาท
• Bitcoin ด้วย DCA (ลงทุน 497,850 บาท/ปี) ที่เหลือจากการจ่ายภาษีเงินได้เต็มจำนวน:
• ถ้าผลตอบแทน 15%/ปี → ≈ 3.86 ล้านบาท
• ถ้าผลตอบแทน 20%/ปี → ≈ 4.45 ล้านบาท
• ถ้าผลตอบแทน 30%/ปี → ≈ 5.85 ล้านบาท
แม้การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีจะช่วยให้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เต็มที่ แต่ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 8% ต่อปี พอร์ต 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 3.80 ล้านบาท
ในขณะที่ Bitcoin แม้ว่าใช้เงินลงทุนรายปีน้อยกว่าแต่การที่มันไม่เคยมีผลตอบแทนติดลบเลย ในประวัติศาสตร์ 5 ปี เมื่อถือไว้นานพอและเมื่อได้ผลตอบแทน 15–30% ต่อปี พอร์ตจะเติบโตไปได้ตั้งแต่ ≈ 3.86 ถึง 5.85 ล้านบาท
โดย Minimum returns ของ Bitcoin คือ Worst cases scenario ที่ 15% แต่มันก็มากกว่าผลตอบแทนจากกองทุนลดหย่อนภาษีโดยเฉลี่ยอยู่ดี (ไม่นับกรณีที่กองทุนที่ซื้อนี้ติดลบ)
และที่สำคัญต้องคิด Purchasing Power จากเงินเฟ้อ ในที่นี้สมมุติว่า 8% ต่อปี จะเท่ากับประมาณ 32% ในปีที่ 5
กรณีที่ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี 3,800,000 - 32% = 2,584,000 - 600,000*5 = -416,000 เท่ากับอำนาจการจับจ่ายติดลบไป 4 แสนกว่าบาท
กรณีที่จ่ายภาษีเต็มจำนวนโดยไม่ซื้อกองทุนลดหย่อนและนำเงินที่เหลือไป ซื้อ Bitcoin หากคำนวนด้วยวิธีเดียวกันจะได้ผลลัพธ์ดังนี้
ที่ 15% : 3,860,000 - 32% = 2,624,800-497,850*5=135,550
ที่ 20% : 4,450,000 - 32% = 3,026,000-497,850*5=536,750
ที่ 30% : 5,850,000 - 32% = 3,978,000-497,850*5=1,488,750
จะเห็นว่าแม้ Worst Case Scenario ตัวของ Bitcoin ก็ยังทำให้เรามี Purchasing Power มากขึ้น
ตัวอย่างนี้ใช้ Base จากรายได้ของคนที่มีรายได้ *สูงพอสมควร* ซึ่งหากทำตามนี้วิธีก็ยังได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการทำตามระบบการเงินปัจจุบันแบบเห็นได้ชัด
สิ่งนี้เป็นทฤษฎีที่ผมเห็นว่าเป็นแนวทางที่ดูจะเป็นทางรอดเดียวที่คนตัวเล็กพอจะทำได้ ซึ่งมันคุ้มค่าพอที่จะเสี่ยงแบบหมดหน้าตัก เพราะหากมีเงินเหลือและทำตามวิธีปกติก็แพ้ในเกมนี้อยู่ดี (ก็แน่สิ เป็นเกมที่ไม่ได้ออกแบบมาให้คนธรรมดาชนะอยู่แล้ว ไม่งั้น Elite ก็กินหรูอยู่สบายไม่ได้สิ)
ในชุมชนของเราแต่ละคนมีเรื่องแนวนี้ มากมายตามแต่ความเชี่ยวชาญของคนนั้นๆ คำถามคือ เราจะทำยังไงให้คนข้างนอกเห็นมุมมองนี้ได้?
ผมยังคงพยายามหาคำตอบนั้น
#siamstr