Tung Khempila on Nostr: Eternal Recurrence - ...
Eternal Recurrence - กาลเวลาเวลาซึ่งกำเนิดซ้ำชั่วนิรันดร์
-Friedrich Nietzsche-
ผมอยากนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งมนุษย์ยังไม่สามารถค้นพบหรือพบเจอกับมันได้ ถือว่าเป็น อภิปรัชญา(Metaphysics) ที่ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ซึ่งล่วงรู้ หรือ แม้แต่เป็นการใช้โจมตีศาสนาคริสต์ซึ่งได้อภิปรายโดย ฟรีดริช นีทเช่
สิ่งนี้คืออะไร กัน ผมจะมาให้คำตอบ
Eternal Recurrence หรือ เราจะใช้ภาษาที่มันยาวเหยียดในภาษาไทย คือ การกำเนิดซ้ำชั่วนิรันดร์ เป็นแนวความคิดของอารยธรรมกรีกโบราณ ซึ่งพูดถึงเส้นแบ่งของการเวลาซึ่งจะกำเนิดซ้ำอีกครั้ง
ในศาสนาพุทธเราเชื่อกันว่า การกำเนิดซ้ำในที่นี้เราจะได้เป็นสัตว์อื่น หรือ การเกิดตามผลบุญที่เราได้ทำตามศาสนาผี ซึ่งไทยเราเอาเหตุและผลตามนิทานปรัมปรา มาอ้างอิง ถึงความเชื่อนี้
ส่วนความเชื่อของพระพุทธเจ้าเชื่อว่าตัวเองจะเป็นนิพพานและแหลกสลายไปตามท้องเรื่อง โดยเส้นแบ่งระหว่างเวลาอยู่ที่การยับยั้งชั่งใจทางจิตวิญญาณ
ทางศาสนาคริสเตียนเชื่อว่าพวกเค้าจะต้องชำระบาปให้ครบก่อนแล้วจะได้ไปอยู่ในทรวงสวรรค์ ต่อหน้าพระเจ้าอย่างเท่าเทียมกัน
ซึ่งเหตุผลคร่าวๆที่ผมอธิบายคือเรื่องที่ว่านี่แหละครับ มันคือการที่นิทเช่ใช้โจมตีศาสนาแต่ละศาสนา แต่ศาสนาคริสต์อาจจะหนักหน่อยตรงที่พวกเค้าพยายามเอาขอบเขตมนุษย์ไปกำหนดศีลธรรม ดังนั้นจะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ว่า การเล่นกับศาสนาของโดสโตยเยฟสกี กับเป็นผลงานที่ถูกใจนิทเช่มากกว่า นักเขียนวรรณกรรมท่านอื่น เพราะนิทเช่ไม่ได้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า แต่เชื่อว่า “การมีอยู่ของพระเจ้ามันสะท้อนการมีอยู่ของมนุษย์และความเชื่อของพวกเค้า” ไม่ว่าจะเป็นทั้งชุมชนมุสลิมและคริสเตียน หรือแม้กระทั่งยิว
Eternal Recurrence คือการแสดงออกของเส้นเวลาที่เป็น Linear เส้นตรงเพื่อย้อนกลับมาเพื่อแสดงว่า การกำเนิดคือการตาย และ การตายคือการกำเนิดอีกครั้ง พอเรามองโลกและมุมมองกลับมาด้านนี้เราก็จะพบว่า แม้กระทั่งเสรีภาพเองก็เป็นต้นเหตุของปัญหา
ซึ่งตัวนิทเช่เองได้นำเอาเหตุและผลบางประการไปใช้เพื่อโจมตีลัทธิสุญนิยม ที่เกิดขึ้น ดังนั้นผู้ที่ศึกษางานเขียนนิทเช่จะค้นพบว่างานของเค้าคือคำเตือนต่อโลกไปนี้ มากกว่าแนวคิดการสร้างศีลธรรมขึ้นมาใหม่
ทีนี้ทุกคนคงจะเคยสงสัยว่าลัทธิสุญนิยมมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?
สุญนิยมคือความว่างเปล่าที่มนุษย์สร้างมันขึ้นมาจากเอกภาพของพวกเค้า ปัญหานี้มักเกิดกับกษัตริย์ในยุคอดีตในการตัดสินใจทำอะไรโง่ๆลงไป ดังนั้นเราจะพบว่ากษัตริย์ที่เป็นมหาราช หรือ องค์จักพรรดิที่มีชื่อเสียง มักจะแสดง ความต้องการ การไขว่คว้า มา มากกว่า การนิ่งเฉยๆ
ลองจินตนาการว่าคุณล่วงรู้ถึงอดีตแต่กลับไปแก้ไม่ได้ และคุณไม่ล่วงรู้ว่าอนาคตคุณจะเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่คุณจะพบเจอแน่ๆหลังการสูญสิ้นคือการที่คุณเกิดเป็นตัวคุณอีกครั้ง และคุณพบเจออดีตที่คุณเคยพบ อีกครั้งสิ แค่คิดก็พบเจอกับความทุกข์แล้วสินะ…
การวิจารณ์ระบอบเสรีนิยม ของนิทเช่เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ และ ผมมองว่ามันยิ่งใหญ่ พอๆที่จะบอกให้เราละทิ้งแม้กระทั่งเจตจำนงเสรีของมนุษย์หรือ free will
#siamstr
-Friedrich Nietzsche-
ผมอยากนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งมนุษย์ยังไม่สามารถค้นพบหรือพบเจอกับมันได้ ถือว่าเป็น อภิปรัชญา(Metaphysics) ที่ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ซึ่งล่วงรู้ หรือ แม้แต่เป็นการใช้โจมตีศาสนาคริสต์ซึ่งได้อภิปรายโดย ฟรีดริช นีทเช่
สิ่งนี้คืออะไร กัน ผมจะมาให้คำตอบ
Eternal Recurrence หรือ เราจะใช้ภาษาที่มันยาวเหยียดในภาษาไทย คือ การกำเนิดซ้ำชั่วนิรันดร์ เป็นแนวความคิดของอารยธรรมกรีกโบราณ ซึ่งพูดถึงเส้นแบ่งของการเวลาซึ่งจะกำเนิดซ้ำอีกครั้ง
ในศาสนาพุทธเราเชื่อกันว่า การกำเนิดซ้ำในที่นี้เราจะได้เป็นสัตว์อื่น หรือ การเกิดตามผลบุญที่เราได้ทำตามศาสนาผี ซึ่งไทยเราเอาเหตุและผลตามนิทานปรัมปรา มาอ้างอิง ถึงความเชื่อนี้
ส่วนความเชื่อของพระพุทธเจ้าเชื่อว่าตัวเองจะเป็นนิพพานและแหลกสลายไปตามท้องเรื่อง โดยเส้นแบ่งระหว่างเวลาอยู่ที่การยับยั้งชั่งใจทางจิตวิญญาณ
ทางศาสนาคริสเตียนเชื่อว่าพวกเค้าจะต้องชำระบาปให้ครบก่อนแล้วจะได้ไปอยู่ในทรวงสวรรค์ ต่อหน้าพระเจ้าอย่างเท่าเทียมกัน
ซึ่งเหตุผลคร่าวๆที่ผมอธิบายคือเรื่องที่ว่านี่แหละครับ มันคือการที่นิทเช่ใช้โจมตีศาสนาแต่ละศาสนา แต่ศาสนาคริสต์อาจจะหนักหน่อยตรงที่พวกเค้าพยายามเอาขอบเขตมนุษย์ไปกำหนดศีลธรรม ดังนั้นจะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ว่า การเล่นกับศาสนาของโดสโตยเยฟสกี กับเป็นผลงานที่ถูกใจนิทเช่มากกว่า นักเขียนวรรณกรรมท่านอื่น เพราะนิทเช่ไม่ได้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า แต่เชื่อว่า “การมีอยู่ของพระเจ้ามันสะท้อนการมีอยู่ของมนุษย์และความเชื่อของพวกเค้า” ไม่ว่าจะเป็นทั้งชุมชนมุสลิมและคริสเตียน หรือแม้กระทั่งยิว
Eternal Recurrence คือการแสดงออกของเส้นเวลาที่เป็น Linear เส้นตรงเพื่อย้อนกลับมาเพื่อแสดงว่า การกำเนิดคือการตาย และ การตายคือการกำเนิดอีกครั้ง พอเรามองโลกและมุมมองกลับมาด้านนี้เราก็จะพบว่า แม้กระทั่งเสรีภาพเองก็เป็นต้นเหตุของปัญหา
ซึ่งตัวนิทเช่เองได้นำเอาเหตุและผลบางประการไปใช้เพื่อโจมตีลัทธิสุญนิยม ที่เกิดขึ้น ดังนั้นผู้ที่ศึกษางานเขียนนิทเช่จะค้นพบว่างานของเค้าคือคำเตือนต่อโลกไปนี้ มากกว่าแนวคิดการสร้างศีลธรรมขึ้นมาใหม่
ทีนี้ทุกคนคงจะเคยสงสัยว่าลัทธิสุญนิยมมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?
สุญนิยมคือความว่างเปล่าที่มนุษย์สร้างมันขึ้นมาจากเอกภาพของพวกเค้า ปัญหานี้มักเกิดกับกษัตริย์ในยุคอดีตในการตัดสินใจทำอะไรโง่ๆลงไป ดังนั้นเราจะพบว่ากษัตริย์ที่เป็นมหาราช หรือ องค์จักพรรดิที่มีชื่อเสียง มักจะแสดง ความต้องการ การไขว่คว้า มา มากกว่า การนิ่งเฉยๆ
ลองจินตนาการว่าคุณล่วงรู้ถึงอดีตแต่กลับไปแก้ไม่ได้ และคุณไม่ล่วงรู้ว่าอนาคตคุณจะเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่คุณจะพบเจอแน่ๆหลังการสูญสิ้นคือการที่คุณเกิดเป็นตัวคุณอีกครั้ง และคุณพบเจออดีตที่คุณเคยพบ อีกครั้งสิ แค่คิดก็พบเจอกับความทุกข์แล้วสินะ…
การวิจารณ์ระบอบเสรีนิยม ของนิทเช่เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ และ ผมมองว่ามันยิ่งใหญ่ พอๆที่จะบอกให้เราละทิ้งแม้กระทั่งเจตจำนงเสรีของมนุษย์หรือ free will
#siamstr