Chawapon on Nostr: MBA (Fiat system) 🙅🏻♂️ เรียนกับ CEO Toffee cake ...
MBA (Fiat system) 🙅🏻♂️
เรียนกับ CEO Toffee cake แบบยั่งยืน🙋🏻🫶🏻👌
ขอบคุณบทเรียนดีๆ เพื่อธุรกิจระยะยาวจากพี่ป้ำกราบบ 🙇🏻❤️ #Siamstr
เรียนกับ CEO Toffee cake แบบยั่งยืน🙋🏻🫶🏻👌
ขอบคุณบทเรียนดีๆ เพื่อธุรกิจระยะยาวจากพี่ป้ำกราบบ 🙇🏻❤️ #Siamstr
quoting note1dq9…ryvyในระบบนิเวศน์ของคุณมีตัวแปรที่คาดการณ์ไม่ได้มากแค่ไหน
วันนี้ซัพพลายเออร์ลูกเกดของผมเแจ้งมาว่า สินค้าของเค้ากำลังจะขาดตลาด คงจะไม่สามารถส่งให้เราตามที่สั่งได้ และยังบอกไม่ได้ด้วยว่าจะกินระยะเวลานานเท่าไร
นั่นเป็นเพราะลูกเกดของผมถูกส่งมาจากอิหร่าน!
เฮ้ย…เค้ารบกันห่างกับเราเกือบ 7,000 กม.ทำไมกุต้องเดือดร้อนไปด้วยวะเนี่ย
เข้าใจอยู่ว่าคงกระทบกับพวกค่าเงิน ราคาน้ำมัน ราคาทองคำอะไรแบบนั้น แต่นี่กุขายขนม…!!!
ผมเคยได้รับบทเรียนอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังจัดการได้ไม่ทั้งหมดอยู่ดี
สมัยน้ำท่วมใหญ่ปี 54 นมข้นที่ผมใช้ซึ่งต้องส่งมาจากสิงคโปร์ขาดตลาดหนักมาก ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวกับน้ำท่วมยังไง แต่ผมต้องวิ่งซื้อทุกร้านที่รู้จัก ร้านโชว์ห่วยเล็กๆที่อยู่ตามซอย ลามไปถึงแปดริ้ว ระยอง ต้องฝากน้องที่โคราชวิ่งหาซื้อมาให้ แถมยอมซื้อทุกราคาด้วย และเพราะไม่รู้เมื่อไหร่วิกฤตจะหมด ก็เลยต้องตุนให้มากที่สุดเท่าที่จะตุนได้ ตอนนั้นยังทำขนมที่บ้านอยู่ ผมจำได้เลยว่าเราไม่มีที่นั่งดูทีวีกัน นั่นขนาดว่าใช้แค่ไม่ถึง 1 ใน 10 ของปัจจุบัน
ครั้งนึงโรงงานผู้ผลิตกลิ่นวานิลาที่ผมใช้เลิกผลิต
ผมงงมากว่าของมีคุณภาพแต่ทำไมโรงงานเจ๊ง มารู้ที่หลังว่าถูกบริษัททุนใหญ่ในอุตสาหกรรมเบเกอรี่ซื้อกิจการไป ครั้งนั้นวิกฤตมาก ผมหากลิ่นวานิลาทั้งตลาดมาลอง ทุกแบรนด์ ทุกราคา ไม่มีอันไหนใกล้เคียงของเดิมเลย ถึงขนาดซื้อฝักวานิลามาลองดองเอง ออกมาแย่กว่าพวกกลิ่นปลอมๆในตลาดอีก (ดองครั้งนึงใช้เวลา 6 เดือน นี่กุต้องสร้าง POW อีกกี่ปีถึงจะใช้ได้วะเนี่ย) สุดท้ายโชคดีมากไปเจอเจ้านึงนำเข้ามาจากออสเตรเลีย กลิ่นแทบจะเหมือนของเดิมที่เคยใช้เลย ครั้งนั้นเสียหายมากเลย ทั้งขนมที่ใช้ไม่ได้และลูกค้าที่รู้สึกได้ว่ากลิ่นมันเปลี่ยน
ยังมีอีกหลายครั้งที่ของขาดเพราะไม่มีเรือขนส่งเนื่องจากเรือทุกลำไปจีนหมด
หลายครั้งที่ โรงงานผู้ผลิตต้องหยุดไลน์ผลิตเพราะเครื่องจักรเสียหาย
หลายครั้งที่ โรงงานผลิตวัตถุดิบให้เราไม่ได้เพราะเค้าเองก็ขาดวัตถุดิบ
ไม่ว่าเหตุผลของซัพพลายเออร์จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ บางที่มันอาจจะไม่จริงอย่างที่เค้าแจ้งมา บางทีมันอาจจะเป็นเพื่ออำนาจต่อรองทางการค้าหรือบางทีอาจจะเพื่อควบคุมปริมาณสินค้าเพื่อขึ้นราคา แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร
“มันเป็นตัวแปรที่คาดการณ์ไม่ได้ในระบบนิเวศน์ของผม”
ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะหาทางป้องกันความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง
ผมไล่ดูตัวแปรในระบบนิเวศน์ของผมทุกตัว
วัตถุดิบแต่ละชนิดต้องมีคู้ค้ามากกว่า 1 เจ้า ยิ่งมากยิ่งดี สำคัญว่าคุณภาพต้องได้ เราอาจจะคาดการณ์ผู้ผลิตเจ้าเดียวไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหลายๆเจ้ามันไม่น่ามีเรื่องเซอร์ไพรซ์มาพร้อมกัน
ผมมองมันเหมือนระบบนิเวศน์ในธรรมชาติเลย ยิ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพเยอะยิ่งแข็งแกร่ง ในลำไส้เรายังมีแบคทีเรียเป็น 1,000 ชนิดเลย
ผมจะมองหาซัพพลายเออร์ที่เน้นยั่งยืน พวกทำราคามาต่ำๆ ยอมเจ็บตัวก่อน กะฆ่าเจ้าอื่นๆ ผมไม่เคยเอา ไม่น่าอยู่ด้วยกันได้นาน
วัตถุดิบหลายอย่างมันเป็น seasonal มีช่วงของเยอะของน้อย และยอดขายขนมของเราเองก็เป็น seasonal เหมือนกัน มีช่วงขายมากขายน้อย ในช่วงแรกเงินทุนหมุนเวียนและพื้นเก็บของเรามีจำกัด การจะใช้ให้คุ้มค่าที่สุดจำเป็นต้องมีตัวเลขสถิติการผลิตที่ชัดเจนเพื่อที่จะรู้ว่าแต่ละช่วงของปีต้องตุนอะไรเท่าไหร่
มันก็มีข้อเสียอยู่นะ ผมจะต้องซื้อของชนิดเดียวกันในหลายๆราคา เราไม่สามารถทำต้นทุนให้ต่ำที่สุดได้ แต่ผมมองว่ามันเเป็นราคาที่ต้องจ่ายของการป้องกันความเสี่ยง จ่ายไปเถอะเราหวังยั่งยืน
การที่ผมมีซัพพลายเออร์หลายเจ้าทำให้ยอดสั่งต่อเจ้าน้อย ไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ (ในช่วงแรกนะ) หลายครั้งเราต้องวิ่งไปเอาของเอง หลายครั้งเค้าเลือกลูกค้าเจ้าใหญ่ก่อน แต่มันก็ค่อยๆดีขึ้น เมื่อคู่ค้าของเรามองเห็นว่าเราก็คาดหวังความยั่งยืนเหมือนกัน
ทั้งหมดนั้นเกิดก่อนที่ผมจะมีสาขาที่สอง การที่เราไปอย่างช้าๆไม่ได้มีประโยชน์แค่มีเวลาในการสะสมเงินลงทุนอย่างเดียว แต่มันยังมีบทเรียนต่างๆที่ช่วยสร้างรากฐานความหลากหลายใน eco system ของเราด้วย
ลองคิดดูว่าถ้าปัญหาพวก supply shortage มาเกิดขึ้นตอนนี้ เราจะเสียหายแค่ไหน
ปัจจุบันผมใช้เม็ดมะม่วงประมาณเดือนละเกือบๆ 5 ตัน ถ้ามีซัพพลายเออร์อยู่เจ้าเดียว เกิดโรงงานเค้าเสียหาย การผลิตสะดุด ไม่สามารถส่งวัตถุดิบให้เราได้ ผมจะไปหาที่ไหนมาแทนได้ทัน จริงๆแค่เค้าหยุดโรงงานช่วงปีใหม่ผมก็หัวฟูแล้ว
ปัญหาพวกนี้ล้วนเกิดในองค์กรที่กำลังเติบโตทั้งสิ้น ยิ่งใหญ่ ตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ยิ่งเยอะ
ผมไม่แปลกใจเลยกับโมเดลที่บริษัทCP กำลังทำอยู่ เค้าใหญ่ซะจนต้องพยามควบคุมตัวแปรทุกตัว ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเอง แม้แต่บรรดาผู้ผลิตที่ส่งขนมไปวางขายใน 7-11 ตัวCPเองแทบจะเป็นผู้ผลักดันทั้งหมด ตั้งแต่พัฒนาโปรดักส์ ออกแบบโรงงาน การเข้าถึงแหล่งทุน เพราะลำพังโปรดักส์ที่ดี การผลิตแบบชาวบ้านๆไม่สามารถซัพพอร์ตกำลังซื้อของลูกค้าเซเว่นได้พอ
จริงๆแล้วนั่นคือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนะ พึ่งพาผู้อื่นให้น้อยที่สุด คอนโทรลทุกอย่างเองตั้งแต่ต้นทางจนสุดทาง
มันจะฟังดูตลกมั้ย ถ้าผมบอกว่า CP ALL ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
แต่อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นขนม เราต้องความคุมกลิ่น รสชาติและรสสัมผัส ให้คงที่ตลอดเวลา มันจะมีวัตถุดิบบางอย่างที่ต้องใช้แบรนด์นี้เท่านั้น หรือหาเจ้าผูผลิตที่ทำได้ตรงกับที่เราต้องการได้แค่เจ้าเดียว เกิดเป็นตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ที่ต้องจำเป็นต้องผูกไว้ในสมการระบบนิเวศน์ของเรา
มันยังมีตัวแปรเรื่องของลูกค้า พนักงาน หุ้นส่วน ตัวเราเอง หรือแม้แต่ลูกเมีย ที่ต้องเอามาคิดด้วย
มันล้วนแล้วแต่คาดการณ์ไม่ได้ทั้งสิ้น
มันมีความย้อนแย้งในกลไกตลาดอันนี้
หากคุณต้องการระบบที่มีความยั่งยืน คุณต้องพึ่งพาผู้อื่นให้น้อยที่สุด
หากคุณต้องพึ่งพาคนอื่น คุณจำเป็นต้องสร้างความหลากหลายในระบบนิเวศน์ และทุกครั้งที่เพิ่มตัวละครเข้ามาในระบบ ก็จะเพิ่มตัวแปรที่มีความเสี่ยงจะควบคุมไม่ได้เข้ามาในระบบเช่นกัน
มันจะกลายเป็นระบบนิเวศน์ที่เล็กแต่มีความหลากหลายภายในสูง
มันจะมีปัญหามากเป็นเท่าทวีถ้าตัวระบบขยายแต่ไม่สามารถเพิ่มความหลากหลายได้เพียงพอ
ยิ่งคุณใหญ่ห่วงโซ่อุปทานคุณอาจจะยาวไป จนคุณพบว่าสงครามที่อยู่ห่างออกไป 7,000กม. ก็ส่งผลกระทบต่อคุณได้
ผมสรุปของผมง่ายๆว่า
ถ้าคุณหวังยั่งยืน คุณจะไม่ใหญ่
ถ้าคุณอยากใหญ่ คุณจะไม่ยั่งยืน
และจะเห็นภาพนี้ชัดขึ้นในกลไกตลาดเสรี
เหมือนกับเราจะส่งจรวดไปดวงจันทร์ เราต้องใช้เชื้อเพลิงมหาศาลเพื่อไปให้ถึง”ความเร็วหลุดพ้น” เพื่อจะออกไปนอกโลกได้ แต่ยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้จรวดที่ต้องแบกไปมากเท่านั้น
แต่คุณรู้ไหม “ความเร็วหลุดพ้น” เป็นแค่ตัวเลขทางทฤษฎี จริงๆคุณสามารถใช้ความเร็วเท่าไหร่ก็ได้เพื่อหลุดออกไปนอกชั้นบรรยากาศ ขอเพียงมีพลังงานและเวลาที่มากพอ
เช่นเดียวกับคุณจะไปถึงจุดไหนก็ได้ หากคุณใช้พลังงานและเวลาสร้าง POW ที่มากพอ
ตลาดเสรีนั้นโหดร้าย (โหดจริงๆนะ)
ก่อนที่มันจะมาถึง POW ของคุณมากพอรึยัง
แต่อย่างน้อยเราก็โชคดีมากที่มีเงินที่เป็นตัวแปรที่คาดการณ์ได้ในช่วงชีวิตเรา
#Siamstr
ปล. ผมมิได้เรียนบริหารหรือการจัดการมาแต่อย่างใด ทั้งหมดผมตกผลึกเอาจากสิ่งที่พบเจอมา ถ้าไม่ตรงกับบทเรียนหรือหลักวิชาการใดๆ ขอไม่ถือสากันนะครับ 🥰