Panai Lawasut on Nostr: Enter The Matrix ก่อนจะออก ...
Enter The Matrix
ก่อนจะออก ฉันเข้ามายังไงก่อน..?
ผมพยายามคิดเรื่อง exit the matrix ของ @tendou อยู่พักใหญ่แล้ว ก็ยังนึกไม่ออกว่าเรามีประสบการณ์อะไรที่มันชัดเจนจริงๆ
แต่กลายเป็นไปตกผลึกเรื่องอื่นๆอีกเยอะแยะเต็มไปหมด ขอบคุณ @tendou การชวนคนคิดมันได้อะไรมากกว้างกว่าเรื่องที่เราพยามหาคำตอบอยู่เสมอ
ก่อนนี้ที่บ้านผมขายขนมกันหน้าบ้าน เป็นร้านเล็กๆที่ยอดขายพอประมาณแต่ไม่เคยเสียภาษี
ทั้งภาษีบุคคล ภาษีร้านค้า ภาษีป้าย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะจด vat
สิ่งที่ผมเจอคือ ผมไม่สามารถซื้อสินทรัพย์อะไรได้เลย กู้แบงค์ไม่ได้ ทำบัตรเครดิตไม่ได้ มันเหมือนเราไม่มีตัวตน
เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเลขบัตรประชาชน เค้าถึงเรียกว่า เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ถ้าคุณไม่เสียภาษี คุณจะไม่มีตัวตน
ผมได้แต่คิดว่า ช่างมันวะ ซื้อสดมันให้หมด บ้านก็เช่าเอาแบบนี้แหละ แล้วเงินก้อนที่เราเก็บได้ก็ไว้ให้ลูกซื้อบ้านของเค้าเอง แล้วเค้าเองก็มีหน้าเก็บเงินเพื่อเป็นค่าบ้านของรุ่นหลานต่อไป
เงินเรา-ลูกใช้,เงินลูก-หลานใช้,เงินหลาน……ใช้ถ้าลูปเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินแบงค์ ขอแค่รุ่นแรกเสียสละ
(เรื่องนี้ใครก็คิดได้ แล้วคุณก็เริ่มเก็บเงิน เริ่มลงทุน เริ่มรู้จักเงินเฟ้อ…. แล้วก็พบความจริง บันเทิง!!! )
ตอนนั้นทุกคนยังซื้อขายของด้วยเงินสดเป็นหลัก ยังไม่มีการโอนเงินเยอะแยะแบบทุกวันนี้ ผมก็ยังคิดว่าเราอยู่แบบนี้ต่อไปก็ยังได้
เราขยายสาขาโดยที่ไม่ใช้เงินแบงค์แม้แต่บาทเดียว เราไม่เคยขอเครดิตซัพพลายเออร์ ซักพักสรรพากรเริ่มเพ่งเล็ง คุณพ่อผมเริ่มจ่ายภาษี เป็นแบบร้านค้า เหมาจ่าย ปีนึงหลักพัน และแน่นอนเราก็คาดหวังการเติบโตอยู่ตลอด
ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ สุดท้ายไม่ว่ายังไง คุณจะมาชนกับกำแพงที่ระบบได้วางไว้ ถ้าคุณจะข้ามมัน คุณต้องเข้ามาในระบบ
-ลูกน้องเริ่มถามหาสวัสดีการ ประกันสังคม วันลาหยุด ลาป่วย เค้าควรได้หยุดโดยที่ร้านยังจ่ายเงินให้เค้า
-ลูกน้องเริ่มsufferเรื่องเดียวกับเรา ไม่มีตัวตน ทำบัตรเครดิตไม่ได้ จะซื้อรถเครื่องคันเล็กๆยังลำบากเลย ไม่ต้องพูดถึงมีบ้าน
-เงินโอนเยอะขึ้นทุกวัน (ประมาณ5ปีมานี้ สัดส่วนเงินโอนเพิ่มจาก5%เป็น70% และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด)
-ที่สำคัญมันกวนใจ ทุกครั้งที่มีรถตู้จอดหน้าร้าน ถือเอกสารนู่นนี่ลงมา มันใจคอไม่ดี ร้านเราอยู่ใกล้สรรพากรชลบุรีด้วย
ผมเริ่มมองเห็นแล้วว่าอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ยั่งยืนแน่นอน เราทำทุกอย่างให้มันถูกต้องดีกว่า(ถูกต้องตามระบบเค้าอะเนอะ) อะไรต้องจ่ายก็จ่ายไป แล้วจะได้ตัดเรื่องกวนใจออกไปอีกเรื่อง มีสมาธิโฟกัสกับงานที่มันสำคัญดีกว่า
ผมจดบริษัท จดvat แล้วความบันเทิงก็บังเกิด!!!
แบบที่ @jingjo พูดในสมายาส้ม ep15 เลย
นี่มันระบบปัญญาอ่อนอะไรวะเนี๊ย ..!!!
- คุณมีหน้าที่รวบรวมรายรับและรายจ่ายเพื่อนำมาคำนวณภาษี และหลักฐานทุกอย่างต้องถูกต้องตามฟอร์มที่สรรพากรยอมรับ อันไหนผิดหรือไม่มี สรรพากรไม่คิดให้ WTF!!!! ผมเพิ่งเข้าใจว่าใบเสร็จคือเงินก็ตอนนั้นแหละ แล้วกระบวนการนี้ก็มีค่าใช้จ่าย!!แล้วก็ไม่น้อยด้วย (เหมือนเราบริการสรรพากรเพื่อที่จะได้จ่ายเงินให้สรรพากร ปัญญาอ่อนมั้ยล่ะ)
- ทันทีที่สินค้าคุณมีvat คุณจะเสียอำนาจการแข่งขันในตลาดทันที
- จะมีซัพพลายเออร์จำนวนนึงเลยที่ไม่อยากทำธุรกิจกับคุณ เค้ายังไม่อยากเค้าระบบ บางเจ้าจำกัดยอดการสั่ง บางเจ้าขอไม่ออกใบเสร็จให้ส่วนใหญ่ขอบวกvatเพิ่ม เราก็ต้องเลือกเจ้ามีvat เพียงเพราะได้ใบกำกับภาษี
ก็เพิ่งเค้าใจคำว่า”มีภาษีกว่า”
- ถ้าคุณจะทำโปรดักส์ที่มีคุณภาพ คุณจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทำให้คุณเลือกซัพพลายเออร์ได้ไม่มาก ไม่ว่าเค้าจะขายราคาเท่าไหร่ ไม่มีvat ไม่ให้ใบเสร็จ คุณก็จำเป็นต้องซื้อเค้า แล้วก็รับภาระทางภาษีไปแทน (สินค้าเกษตรไม่มีvatนะ แล้วผมก็ใช้เป็นวัตถุดิบหลักซะด้วย)
- เช่นเดียวกับผู้ให้เช่าที่ดินและอาคารทั้งหลายแหล่ ทำเลสำคัญมาก ถ้าต้องตรงนี้คือต้องตรงนี้ ไม่ว่าเค้าจะไม่ยอมให้เราส่งเป็นรายจ่าย ให้เราเสียภาษีโรงเรือนให้ หรือให้เราเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้ เราก็ต้องเช่า (80%ของตลาดให้เช่าเป็นแบบนี้ ไม่แปลกใจที่ธุรกิจใหญ่หนีเข้าห้างหมด ความเลื่อมล้ำจะไม่เกิดได้ไง)
ผมว่าสิ่งหนึ่งที่สรรพากรเก่ง นอกจากการเรียกเก็บภาษีแล้ว คือการรวบรวมคนเข้าระบบ นอกจากคุณจะถูกบีบให้เค้าระบบแล้ว เค้าจะใช้คุณเป็นเครื่องมือในการบีบให้คนอื่นเข้าระบบด้วย
มีซัพพลายเออร์ผม2-3เจ้า ที่ยอมเข้าระบบ บางคนยอมจดบริษัทเลย เพื่อจะเป็นคู่ค้ากับเรา ยังไม่นับ เป๋าตัง พร้อมเพย์ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ นับถือยุทธศาสตร์เลย
- ลูกน้องคุณเริ่มใช้สิทธิเต็มที่ มองว่าลาป่วย ลากิจ วันหยุดราชการ เป็นสิทธิที่ต้องใช้ให้เต็มที่เริ่มพยายามหาช่องโหว่ที่จะให้ได้รับสิทธิ์สูงสุดจริงๆ ผมไม่ได้มีปัญหานะ แค่จะชี้ให้เห็นว่าก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีใครมีความคิดแบบนี้
- ยังไม่นับงานเอกสารที่มากมายมหาศาล ยิ่งเป็นบริษัทยิ่งมากกว่าบุคคลธรรมดาอีกหลายเท่า แต่ละเทศบาล แต่ละองค์กร เรียกเอกสารไม่เหมือนกัน บางทีทำเรื่องเดียวกันแต่ไปคนละโต๊ะ ขอเอกสารไม่เหมือนกันอีก ใบอนุญาตต่างๆที่บังคับให้มี ก็เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่มีการเรียกเก็บค่าอำนวยความสะดวกได้อีก มันจะกินเวลาและกวนใจคุณมาก สุดท้ายคุณต้องหาคนมาทำเรื่องนี้แทน ก็เป็นค่าใช้จ่ายอีก
แต่ก็ตามระบบครับ ทุกวันนี้พนักงานผมเกือบทุกคน มีมอเตอร์ไซค์ บัตรเครดิต บางคนมีบ้านเลย
ไม่รู้ที่ผมทำมาทั้งหมดถูกต้องไหม แต่บอกได้เลยว่า ตามเกมส์เค้าหมด
- กระตุ้นให้คนเป็นพวกบริโภคนิยม
- บีบให้คนต้องใช้เงินแบงค์
- บีบให้คนต้องทำงานในองค์กรที่อยู่ในระบบ
- บีบให้ผู้ประกอบการที่อยากโตต่อ ต้องเข้าระบบ เพื่อadvantageด้านความมั่นคงของลูกน้อง และต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง
- ให้ผู้ประกอบการบีบคู่ค้ากันเองให้เข้ามาในระบบ
ถ้าจะไม่อยู่ในระบบ ใช้เก็บเงินเอาก็ต้องสู้กับเงินเฟ้อ หรือจะเอาไปลงทุน ก็เท่ากับทำงานสองรอบ แถมต้องไปสร้างPOWด้านการลงทุนอีก จะต้องเจอบทเรียนราคาถูกแพงอีกเท่าไหร่ไม่รู้
มันเหมือนกับเราอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยว ที่กำลังจะพาเรายังน้ำตกสูง เผอิญมีเรือลอยผ่านมา เราตัดสินใจขึ้นเรือแล้วพบว่า เรือแม่งเสือกมีรูรั่วอยู่ อย่างใหญ่ เราคงไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องทั้งรีบพายหนีกระแสน้ำ แล้วอีกมือก็ต้องรีบวิดน้ำออก อย่างเก่งคือเรืออยู่กับที่แล้วก็ไม่จม จนกว่าเราจะหมดแรง
คือรู้แหละว่าถูกหลอกอยู่ แต่มันหนีไม่ได้
จนกระทั่งวันนึงมีผู้ชายใส่แว่นเสียงหน้าฟัง บอกเราว่ามันมีกล่องเครื่องมืออยู่ในเรือนะมันเรียกว่าบิทคอย เอาไปซ่อมเรือได้ แต่แม้คุณจะซ่อมเรือได้แล้วคุณยังต้องพยามพายต่อไปนะ
เราเองก็ไม่รู้หรอกว่าจะเร็วพอไปถึงฝั่งมั้ย ก็ได้แต่หวังว่า จะมีแรงพอที่จะพายไปเรื่อยๆจนความแรงน้ำมันจะหมดไปหรือไม่ก็จนกว่าน้ำจะแห้งไปเอง
ขอบคุณที่บนเรือมีyoutube 55555
#Matrix #EscapeTheMatrix #ExitTheMatrix
#ThaiNostrich #Siamstr
ก่อนจะออก ฉันเข้ามายังไงก่อน..?
ผมพยายามคิดเรื่อง exit the matrix ของ @tendou อยู่พักใหญ่แล้ว ก็ยังนึกไม่ออกว่าเรามีประสบการณ์อะไรที่มันชัดเจนจริงๆ
แต่กลายเป็นไปตกผลึกเรื่องอื่นๆอีกเยอะแยะเต็มไปหมด ขอบคุณ @tendou การชวนคนคิดมันได้อะไรมากกว้างกว่าเรื่องที่เราพยามหาคำตอบอยู่เสมอ
ก่อนนี้ที่บ้านผมขายขนมกันหน้าบ้าน เป็นร้านเล็กๆที่ยอดขายพอประมาณแต่ไม่เคยเสียภาษี
ทั้งภาษีบุคคล ภาษีร้านค้า ภาษีป้าย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะจด vat
สิ่งที่ผมเจอคือ ผมไม่สามารถซื้อสินทรัพย์อะไรได้เลย กู้แบงค์ไม่ได้ ทำบัตรเครดิตไม่ได้ มันเหมือนเราไม่มีตัวตน
เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเลขบัตรประชาชน เค้าถึงเรียกว่า เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ถ้าคุณไม่เสียภาษี คุณจะไม่มีตัวตน
ผมได้แต่คิดว่า ช่างมันวะ ซื้อสดมันให้หมด บ้านก็เช่าเอาแบบนี้แหละ แล้วเงินก้อนที่เราเก็บได้ก็ไว้ให้ลูกซื้อบ้านของเค้าเอง แล้วเค้าเองก็มีหน้าเก็บเงินเพื่อเป็นค่าบ้านของรุ่นหลานต่อไป
เงินเรา-ลูกใช้,เงินลูก-หลานใช้,เงินหลาน……ใช้ถ้าลูปเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินแบงค์ ขอแค่รุ่นแรกเสียสละ
(เรื่องนี้ใครก็คิดได้ แล้วคุณก็เริ่มเก็บเงิน เริ่มลงทุน เริ่มรู้จักเงินเฟ้อ…. แล้วก็พบความจริง บันเทิง!!! )
ตอนนั้นทุกคนยังซื้อขายของด้วยเงินสดเป็นหลัก ยังไม่มีการโอนเงินเยอะแยะแบบทุกวันนี้ ผมก็ยังคิดว่าเราอยู่แบบนี้ต่อไปก็ยังได้
เราขยายสาขาโดยที่ไม่ใช้เงินแบงค์แม้แต่บาทเดียว เราไม่เคยขอเครดิตซัพพลายเออร์ ซักพักสรรพากรเริ่มเพ่งเล็ง คุณพ่อผมเริ่มจ่ายภาษี เป็นแบบร้านค้า เหมาจ่าย ปีนึงหลักพัน และแน่นอนเราก็คาดหวังการเติบโตอยู่ตลอด
ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ สุดท้ายไม่ว่ายังไง คุณจะมาชนกับกำแพงที่ระบบได้วางไว้ ถ้าคุณจะข้ามมัน คุณต้องเข้ามาในระบบ
-ลูกน้องเริ่มถามหาสวัสดีการ ประกันสังคม วันลาหยุด ลาป่วย เค้าควรได้หยุดโดยที่ร้านยังจ่ายเงินให้เค้า
-ลูกน้องเริ่มsufferเรื่องเดียวกับเรา ไม่มีตัวตน ทำบัตรเครดิตไม่ได้ จะซื้อรถเครื่องคันเล็กๆยังลำบากเลย ไม่ต้องพูดถึงมีบ้าน
-เงินโอนเยอะขึ้นทุกวัน (ประมาณ5ปีมานี้ สัดส่วนเงินโอนเพิ่มจาก5%เป็น70% และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด)
-ที่สำคัญมันกวนใจ ทุกครั้งที่มีรถตู้จอดหน้าร้าน ถือเอกสารนู่นนี่ลงมา มันใจคอไม่ดี ร้านเราอยู่ใกล้สรรพากรชลบุรีด้วย
ผมเริ่มมองเห็นแล้วว่าอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ยั่งยืนแน่นอน เราทำทุกอย่างให้มันถูกต้องดีกว่า(ถูกต้องตามระบบเค้าอะเนอะ) อะไรต้องจ่ายก็จ่ายไป แล้วจะได้ตัดเรื่องกวนใจออกไปอีกเรื่อง มีสมาธิโฟกัสกับงานที่มันสำคัญดีกว่า
ผมจดบริษัท จดvat แล้วความบันเทิงก็บังเกิด!!!
แบบที่ @jingjo พูดในสมายาส้ม ep15 เลย
นี่มันระบบปัญญาอ่อนอะไรวะเนี๊ย ..!!!
- คุณมีหน้าที่รวบรวมรายรับและรายจ่ายเพื่อนำมาคำนวณภาษี และหลักฐานทุกอย่างต้องถูกต้องตามฟอร์มที่สรรพากรยอมรับ อันไหนผิดหรือไม่มี สรรพากรไม่คิดให้ WTF!!!! ผมเพิ่งเข้าใจว่าใบเสร็จคือเงินก็ตอนนั้นแหละ แล้วกระบวนการนี้ก็มีค่าใช้จ่าย!!แล้วก็ไม่น้อยด้วย (เหมือนเราบริการสรรพากรเพื่อที่จะได้จ่ายเงินให้สรรพากร ปัญญาอ่อนมั้ยล่ะ)
- ทันทีที่สินค้าคุณมีvat คุณจะเสียอำนาจการแข่งขันในตลาดทันที
- จะมีซัพพลายเออร์จำนวนนึงเลยที่ไม่อยากทำธุรกิจกับคุณ เค้ายังไม่อยากเค้าระบบ บางเจ้าจำกัดยอดการสั่ง บางเจ้าขอไม่ออกใบเสร็จให้ส่วนใหญ่ขอบวกvatเพิ่ม เราก็ต้องเลือกเจ้ามีvat เพียงเพราะได้ใบกำกับภาษี
ก็เพิ่งเค้าใจคำว่า”มีภาษีกว่า”
- ถ้าคุณจะทำโปรดักส์ที่มีคุณภาพ คุณจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทำให้คุณเลือกซัพพลายเออร์ได้ไม่มาก ไม่ว่าเค้าจะขายราคาเท่าไหร่ ไม่มีvat ไม่ให้ใบเสร็จ คุณก็จำเป็นต้องซื้อเค้า แล้วก็รับภาระทางภาษีไปแทน (สินค้าเกษตรไม่มีvatนะ แล้วผมก็ใช้เป็นวัตถุดิบหลักซะด้วย)
- เช่นเดียวกับผู้ให้เช่าที่ดินและอาคารทั้งหลายแหล่ ทำเลสำคัญมาก ถ้าต้องตรงนี้คือต้องตรงนี้ ไม่ว่าเค้าจะไม่ยอมให้เราส่งเป็นรายจ่าย ให้เราเสียภาษีโรงเรือนให้ หรือให้เราเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้ เราก็ต้องเช่า (80%ของตลาดให้เช่าเป็นแบบนี้ ไม่แปลกใจที่ธุรกิจใหญ่หนีเข้าห้างหมด ความเลื่อมล้ำจะไม่เกิดได้ไง)
ผมว่าสิ่งหนึ่งที่สรรพากรเก่ง นอกจากการเรียกเก็บภาษีแล้ว คือการรวบรวมคนเข้าระบบ นอกจากคุณจะถูกบีบให้เค้าระบบแล้ว เค้าจะใช้คุณเป็นเครื่องมือในการบีบให้คนอื่นเข้าระบบด้วย
มีซัพพลายเออร์ผม2-3เจ้า ที่ยอมเข้าระบบ บางคนยอมจดบริษัทเลย เพื่อจะเป็นคู่ค้ากับเรา ยังไม่นับ เป๋าตัง พร้อมเพย์ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ นับถือยุทธศาสตร์เลย
- ลูกน้องคุณเริ่มใช้สิทธิเต็มที่ มองว่าลาป่วย ลากิจ วันหยุดราชการ เป็นสิทธิที่ต้องใช้ให้เต็มที่เริ่มพยายามหาช่องโหว่ที่จะให้ได้รับสิทธิ์สูงสุดจริงๆ ผมไม่ได้มีปัญหานะ แค่จะชี้ให้เห็นว่าก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีใครมีความคิดแบบนี้
- ยังไม่นับงานเอกสารที่มากมายมหาศาล ยิ่งเป็นบริษัทยิ่งมากกว่าบุคคลธรรมดาอีกหลายเท่า แต่ละเทศบาล แต่ละองค์กร เรียกเอกสารไม่เหมือนกัน บางทีทำเรื่องเดียวกันแต่ไปคนละโต๊ะ ขอเอกสารไม่เหมือนกันอีก ใบอนุญาตต่างๆที่บังคับให้มี ก็เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่มีการเรียกเก็บค่าอำนวยความสะดวกได้อีก มันจะกินเวลาและกวนใจคุณมาก สุดท้ายคุณต้องหาคนมาทำเรื่องนี้แทน ก็เป็นค่าใช้จ่ายอีก
แต่ก็ตามระบบครับ ทุกวันนี้พนักงานผมเกือบทุกคน มีมอเตอร์ไซค์ บัตรเครดิต บางคนมีบ้านเลย
ไม่รู้ที่ผมทำมาทั้งหมดถูกต้องไหม แต่บอกได้เลยว่า ตามเกมส์เค้าหมด
- กระตุ้นให้คนเป็นพวกบริโภคนิยม
- บีบให้คนต้องใช้เงินแบงค์
- บีบให้คนต้องทำงานในองค์กรที่อยู่ในระบบ
- บีบให้ผู้ประกอบการที่อยากโตต่อ ต้องเข้าระบบ เพื่อadvantageด้านความมั่นคงของลูกน้อง และต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง
- ให้ผู้ประกอบการบีบคู่ค้ากันเองให้เข้ามาในระบบ
ถ้าจะไม่อยู่ในระบบ ใช้เก็บเงินเอาก็ต้องสู้กับเงินเฟ้อ หรือจะเอาไปลงทุน ก็เท่ากับทำงานสองรอบ แถมต้องไปสร้างPOWด้านการลงทุนอีก จะต้องเจอบทเรียนราคาถูกแพงอีกเท่าไหร่ไม่รู้
มันเหมือนกับเราอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยว ที่กำลังจะพาเรายังน้ำตกสูง เผอิญมีเรือลอยผ่านมา เราตัดสินใจขึ้นเรือแล้วพบว่า เรือแม่งเสือกมีรูรั่วอยู่ อย่างใหญ่ เราคงไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องทั้งรีบพายหนีกระแสน้ำ แล้วอีกมือก็ต้องรีบวิดน้ำออก อย่างเก่งคือเรืออยู่กับที่แล้วก็ไม่จม จนกว่าเราจะหมดแรง
คือรู้แหละว่าถูกหลอกอยู่ แต่มันหนีไม่ได้
จนกระทั่งวันนึงมีผู้ชายใส่แว่นเสียงหน้าฟัง บอกเราว่ามันมีกล่องเครื่องมืออยู่ในเรือนะมันเรียกว่าบิทคอย เอาไปซ่อมเรือได้ แต่แม้คุณจะซ่อมเรือได้แล้วคุณยังต้องพยามพายต่อไปนะ
เราเองก็ไม่รู้หรอกว่าจะเร็วพอไปถึงฝั่งมั้ย ก็ได้แต่หวังว่า จะมีแรงพอที่จะพายไปเรื่อยๆจนความแรงน้ำมันจะหมดไปหรือไม่ก็จนกว่าน้ำจะแห้งไปเอง
ขอบคุณที่บนเรือมีyoutube 55555
#Matrix #EscapeTheMatrix #ExitTheMatrix
#ThaiNostrich #Siamstr