Bowchonlada on Nostr: เมตตา nostr:note15jxm8sfsgjddpg5e4ugu7z5dwt3d2l305rzlwdw9j6sd3qkslresscf8kl
เมตตา
quoting note15jx…f8kl### โพสที่อาจารย์พิริยะ บอกว่า “If you are angry at something... maybe it's just you.”
เป็นคำกล่าวที่เตือนให้เรามองกลับเข้ามาในตัวเองว่า "ความโกรธ" มีต้นกำเนิดจากจิตใจของเราเอง การใช้สติและการตระหนักถึงความคาดหวังที่เรามีต่อผู้อื่นจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับความโกรธได้อย่างสร้างสรรค์และมีเหตุผล แนวคิดของอริยสัจ ๔ ช่วยให้เราเข้าใจถึงต้นเหตุและวิธีการดับทุกข์ และผมนำแนวคิดอิสรนิยมมาช่วยเสริมให้เราได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบในชีวิตของตนเองและการเคารพเสรีภาพของผู้อื่นในการนำไปใช้ทางโลกได้จริง
เมื่อเราฝึกเดินด้วยเมตตา ปล่อยวางโทสะ และไม่หลงด้วยโมหะ เราจะสามารถสร้างความสงบสุขในจิตใจและในความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้นำไปสู่ชีวิตที่มีความสุขและเสรีภาพอย่างสมดุลในทุกมิติของการดำรงอยู่
### เริ่มจาก...อริยสัจ ๔ คือการค้นหาต้นเหตุแห่งทุกข์ในจิตใจ
พระพุทธศาสนาสอนว่าความโกรธไม่ได้เกิดจากสิ่งภายนอกโดยตรง แต่มีรากฐานมาจาก สมุทัยหรือ "เหตุแห่งทุกข์" ที่เกิดจากภายในจิตใจของเราเอง เช่น
- ตัณหา (ความยึดมั่นถือมั่น) ที่ทำให้เราคาดหวังว่าสิ่งต่าง ๆ จะต้องเป็นไปตามใจเรา
- อวิชชา (ความไม่รู้) ทำให้เรามองไม่เห็นว่าความโกรธไม่ได้ทำให้ปัญหาแก้ไขได้ แต่กลับเผาผลาญจิตใจเราเอง
การดับความโกรธ (นิโรธ) จึงเริ่มต้นจากการมีสติรู้ตัวและปล่อยวางความยึดมั่น โดยการฝึกสมาธิและการเจริญเมตตาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เรามองเห็นความเป็นจริงและลดทอนพลังทำลายของความโกรธ
...ต่อมาคือแนวคิดอิสรนิยม ที่เน้นถึงการรับผิดชอบต่อตนเองและเสรีภาพในการเลือก ปัจเจกบุคคลต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเองและไม่พึ่งพิงปัจจัยภายนอกเกินไป ความโกรธในมุมมองนี้สามารถมองได้ว่าเป็นผลลัพธ์ของการละเลยความรับผิดชอบต่ออารมณ์ของตัวเองและการพึ่งพิงสิ่งภายนอกเกินไป เช่น การโกรธที่ผู้อื่นไม่ทำตามที่เราต้องการ สะท้อนถึงการพยายามควบคุมสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจของเรา ซึ่งขัดกับหลักการเสรีภาพส่วนบุคคลของอิสรนิยม หลักการสำคัญของอิสรนิยมคือ Non-Aggression Principle (หลักการไม่รุกราน) ที่สอนว่าความรุนแรงและการบีบบังคับผู้อื่นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ความโกรธจึงถือเป็นการรุกรานจิตใจของเราเองก่อน เพราะเป็นการสร้างภาระให้กับจิตใจโดยไม่จำเป็น
แนวทางการปฏิบัติที่อาจารย์ได้ใส่ # ไว้
1. #เดินด้วยเมตตา
- มุมมองจากอริยสัจ ๔ #เมตตา คือการยอมรับและปรารถนาดีต่อทั้งตัวเองและผู้อื่น การให้ความรักและความปรารถนาดีจะช่วยลดพลังของโทสะในจิตใจ ทำให้เรามีมุมมองที่เปิดกว้างและมีความสุขที่แท้จริง
- การเชื่อมโยงในอิสรนิยม เสรีภาพของแต่ละบุคคลรวมถึงการเคารพเสรีภาพของผู้อื่น เมตตาได้ช่วยส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยไม่ก้าวก่ายสิทธิและเสรีภาพของกันและกัน เมตตาในแง่นี้จึงเป็นการสร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพของเราและของผู้อื่น เช่น การเคารพในความคิดหรือการกระทำของผู้อื่น แม้จะเขาจะเห็นต่างจากเรา
2. #อย่าเดินด้วยโทสะ
- มุมมองจากอริยสัจ ๔ #โทสะ เป็นเหมือนยาพิษที่เราดื่มเองและทำให้เราเป็นทุกข์ ความโกรธไม่ได้ทำร้ายผู้อื่นเท่าที่มันทำลายจิตใจและร่างกายของเราเอง การฝึกเจริญสติช่วยให้เราเห็นถึงอารมณ์โกรธตั้งแต่เริ่มต้น และตัดวงจรของความคิดและการกระทำที่เป็นพิษ
- การเชื่อมโยงในอิสรนิยม ความโกรธหรือการใช้อารมณ์ ไม่ควรเป็นเหตุผลในการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้อื่น หลักการ Non-Aggression Principle (NAP) ของอิสรนิยมเตือนเราว่าการใช้อารมณ์รุนแรงหรือโทสะมักนำไปสู่การบีบบังคับหรือทำร้ายผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความเคารพในเสรีภาพของทุกคน การไม่เดินด้วยโทสะจึงเป็นการเคารพในเสรีภาพของทั้งตัวเราและผู้อื่น
3. #อย่าหลงด้วยโมหะ
- มุมมองจากอริยสัจ ๔ #โมหะ หรือความหลง ทำให้เรามองสิ่งต่าง ๆ อย่างผิดเพี้ยนและติดอยู่ในภาพลวงตา เช่น การโทษผู้อื่นว่าเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทั้งหมด ทั้งที่แท้จริงแล้วความทุกข์มักเกิดจากจิตใจและความคาดหวังของเราเอง
- การเชื่อมโยงกับอิสรนิยม สอนว่าความสุขและความสงบในชีวิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก แต่ขึ้นอยู่กับเสรีภาพในการเลือกและการรับผิดชอบชีวิตของตนเอง การหลุดพ้นจากโมหะเป็นการยอมรับว่าเราไม่สามารถควบคุมผู้อื่นหรือโลกภายนอกได้ แต่สามารถควบคุมปฏิกิริยาและการตอบสนองของเราได้ การไม่หลงด้วยโมหะจึงช่วยให้เราเป็นอิสระจากความยึดมั่นในสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
### ทีนี้มาลองดูตัวอย่างในชีวิตประจำวันกันดูบ้าง
1. #เดินด้วยเมตตา หากเราพยายามอธิบายเรื่องบิตคอยน์ให้คนอื่นเข้าใจ แต่เขายังเชื่อมั่นในระบบการเงินของรัฐ การใช้เมตตาจะช่วยให้เราเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงความคิดต้องใช้เวลาและกระบวนการขั้นตอน ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมเปิดรับแนวคิดใหม่ในทันที การพูดคุยด้วยความรักและปรารถนาดีแทนการตำหนิ จะช่วยสร้างบทสนทนาที่สร้างสรรค์
2. #อย่าเดินด้วยโทสะ หากเรารู้สึกโกรธเมื่อคนอื่นยังคงเชื่อในระบบเศรษฐกิจแบบเคนส์หรือสังคมนิยม อาจใช้โอกาสนี้แหละ ในการฝึกเจริญสติและตระหนักว่าเราควบคุมความเชื่อของผู้อื่นไม่ได้ แต่สามารถเลือกอธิบายด้วยเหตุผลและความเคารพ หรือเลือกที่จะปล่อยวางเมื่อสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย
3. #อย่าหลงด้วยโมหะ หากเราหงุดหงิดที่ผู้อื่นไม่ยอมรับแนวคิดของบิตคอยน์ การตระหนักว่าความคาดหวังของเราที่ต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจในทันทีนั้นเป็นภาพลวงตา มันก็จะช่วยให้เรามองเห็นความจริงที่ว่า การเปลี่ยนแปลงทางความคิด เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและเกิดจากเสรีภาพในการตัดสินใจของแต่ละบุคคล
……..……..……..
ความโกรธ เป็นหนึ่งในอารมณ์พื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญในชีวิต แต่การจัดการความโกรธนั้นไม่ใช่เพียงเรื่องของการควบคุมอารมณ์ หากยังสะท้อนถึงการทำความเข้าใจตัวตนและธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ประโยคที่อาจารย์พิริยะบอกว่า “If you are angry at something... maybe it's just you.” ไม่ได้เป็นเพียงคำกล่าวเตือนใจ แต่ยังเป็นการเชื้อเชิญให้เราไตร่ตรองถึงรากฐานของความโกรธ ซึ่งซุปขอเชื่อมโยงเข้ากับหลักอริยสัจ ๔ ในพระพุทธศาสนาและแนวคิดอิสรนิยม (#Libertarianism) ที่เน้นความรับผิดชอบส่วนบุคคลและเสรีภาพในชีวิต
#Siamstr